ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เปิดการประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 [สำนักข่าวแห่งชาติ]

ที่มาภาพ : สำนักข่าวเเห่งชาติ

พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานการประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2  ณ โรงแรม S31 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร  ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักวิจัยและบริการวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ร่วมกับศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาล (KRAC) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) เพื่อเป็นเวทีสำหรับแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมในการต่อต้านการทุจริตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรต่อต้านการทุจริต ภาครัฐ  ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมทั้งในและต่างประเทศ  

 

พลตำรวจเอก วัชรพล ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ช.” และมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการทุจริต ได้แก่ Professor Dr.Matthew C. Stephenson an Harvard Law School as Ms. Annika Wythes Team Lead, Anti-Corruption Hub for Southeast Asia and the Pacific จากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crimes: UNODC)

 

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในประเด็นที่ประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคให้ความสำคัญ ได้แก่ การเปิดเผย ข้อมูล (Open Data) มุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการต่อต้านการทุจริตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Foreign Investors’ Perspectives on Anti-Corruption in Southeast Asia) และความเชื่อมโยงระหว่าง การทุจริตกับอาชญากรรมข้ามชาติ (Linkages between Corruption and Transnational Organized Crime (TOC)) โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งจากประเทศไทย ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และองค์กรระหว่างประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 

 

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จะนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) และหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based) มาวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างเป็นระบบ แล้วนำมาถอดบทเรียนและกำหนดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการทุจริตในมิติต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐต่อไป

You might also like...