เปิดข้อมูล-ปรับระบบสู่รัฐบาลดิจิทัล: โอกาสของไทยในยุคสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ใหม่

KRAC เข้าร่วมงานสัมมนา ภายใต้หัวข้อ From Trade War To Trade Win : พลิกเกมการค้าฝ่าวิกฤตโลกจัดโดย กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 

 

ในวันที่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 คุณศุภวิชญ์ แก้วคูนอก ผู้จัดการศูนย์ KRAC ได้เข้าร่วมการประชุม ภายใต้หัวข้อ From Trade War To Trade Win : พลิกเกมการค้าฝ่าวิกฤตโลก 

โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน โดยชี้ให้เห็นว่าโลกการค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากผลกระทบของสงครามการค้า กฎกติกาใหม่ เงินเฟ้อ และความผันผวนของค่าเงิน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องวางแผนและปรับตัวอย่างรอบคอบ เพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสและเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  

 

กระทรวงพาณิชย์จึงเดินหน้านโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” อย่างจริงจัง บูรณาการกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อดูแลทั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs และผู้บริโภค เพื่อให้สามารถรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้อย่างเป็นระบบ  

 

พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเน้นการทำหน้าที่เชิงรุก เปรียบเสมือน “มาเฟียที่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย” ผ่านการติดตามสถานการณ์การค้าโลกอย่างใกล้ชิด วางแผนรองรับความเสี่ยง และผลักดันการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีอยู่กว่า 14 ฉบับ รวมถึงเร่งเจรจา FTA ฉบับใหม่ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่การแข่งขันในเวทีโลกอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน 

ภายในงานยังมีการเสนาจากผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วยคุณอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ  ดร.เสรี นนทสูติ กรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมกรหอกาค้าไทย และคุณนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 

 

โดยข้อมูลจากงานเสวนานี้สามารถสาระสำคัญคือในบริบทของสงครามการค้าโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญไทยชี้ว่า ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวจากการตั้งรับเฉพาะภาษีไปสู่การปรับโครงสร้างการค้าทั้งระบบ โดยหัวใจสำคัญคือการ “เปิดข้อมูล” และ “เปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล” เพื่อให้ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ และตอบสนองต่อมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้าได้อย่างทันท่วงที ลดต้นทุน เพิ่มความโปร่งใส และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว 

ข้อเสนอหลักประกอบด้วย การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลการค้าแบบครบวงจร การเปลี่ยนกระบวนการออกใบอนุญาตและตรวจสอบให้อยู่ในระบบดิจิทัล การสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างรัฐกับเอกชน และการพัฒนาระบบเตือนภัยด้านการค้าเชิงรุก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาตลาดเดิมและค้นหาโอกาสใหม่ในภูมิภาคที่ยังมั่นคง เช่น อาเซียนและตะวันออกกลาง ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงจากภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศไทยจะสามารถยืนหยัดได้ก็ต่อเมื่อกลายเป็นรัฐที่ “โปร่งใสและทันสมัย” ผ่านการใช้ข้อมูลและดิจิทัลอย่างแท้จริง 

 

ทั้งนี้คุณศุภวิชญ์ แก้วคูนอก ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งมาจากหลากหลายความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะกลุ่มภาคธุรกิจและผู้ส่งออก รวมถึงประชาสัมพันธ์ศูนย์ KRAC ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลของภาครัฐ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าในอนาคต  

You might also like...