KRAC Hot News I จาก “ป้าข้างบ้าน” สู่การแจ้งเบาะแส โอกาสการต่อต้านคอร์รัปชันของไทย

จาก “ป้าข้างบ้าน” สู่การแจ้งเบาะแส โอกาสการต่อต้านคอร์รัปชันของไทย

 

เวลามีคนบอกว่าการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นได้ยากเพราะคนไทยไม่ค่อยกระตือรือร้น แต่ดูเหมือนสมมติฐานนี้จะตรงข้ามกับลักษณะนิสัยพื้นฐานอันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยอยู่ไม่น้อย

เพราะเนื้อแท้ของคนไทยนั้นเป็นคนที่ใส่ใจผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้เราสามารถรับรู้เรื่องราวรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว จนมีคำศัพท์อย่าง “ป้าข้างบ้าน” ที่หมายถึง ผู้ที่รู้เรื่องราวดีกว่าใคร ๆ ในหมู่บ้าน หรือคำว่า “อยากใส่ใจ” ที่หมายถึงอยากเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างท่องแท้

อาจกล่าวได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่มักมีนิสัย “ช่างสังเกต” และ “ใส่ใจ” นั่นทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้น การกระจายข่าวสารก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์การทุจริต คนไทยก็ยิ่งจะรับรู้กันอย่างรวดเร็ว รู้ว่าใครโกงอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือมีเรื่องไม่ชอบมาพากลใด ๆ ก็มักที่จะรู้ก่อนใคร แต่หลายครั้งก็จบลงที่การพูดคุยกันในวงสนทนา หรือซุบซิบส่งต่อข่าวสารกัน โดยไม่ได้ก้าวข้ามไปถึงกระบวนการ “แจ้งเบาะแส” อย่างจริงจัง

เหตุที่เป็นเช่นนั้น จากงานวิจัยของ ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์ และคณะ (2560) เรื่อง “การศึกษาวิจัยประเมินประสิทธิภาพของผู้แจ้งเบาะแส” ได้สะท้อนว่าส่วนหนึ่งของปัญหานี้เป็นผลมาจากปัญหาความไม่ไว้วางใจระบบกฎหมายของคนไทย เพราะโดยส่วนใหญ่คนไทยมักจะมองว่าระบบการปราบปรามการทุจริตไม่มีประสิทธิภาพ แจ้งไปก็ไม่มีความก้าวหน้าอะไร ทำให้ท้ายที่สุดก็เลยจบลงที่การเป็นเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันไปเพียงเท่านั้น

นอกจากความไม่เชื่อมั่นในระบบแล้ว การฟ้องร้องก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้คนไทยไม่อยากร้องเรียนอะไร เพราะกลัวโดนฟ้องกลับ และการต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่คนไทยอย่างเรา ๆ ชอบกันมากนัก ยิ่งถ้าเป็นคนในหน่วยงานที่มีการทุจริตด้วยแล้ว การกลั่นแกล้งหรือโยกย้ายตำแหน่งก็ย่อมตามมาทีหลังจากการแจ้งเบาะแส

เรื่องนี้สอดคล้องกับงานศึกษาของ ทิพย์ฆัมพร เกษโกมล และอภิสิทธิ์ ตามสัตย์ (2562) เรื่อง “การป้องกันการทุจริต: พยาบาลกับการแจ้งเบาะแสในหน่วยบริการสุขภาพ”ที่สะท้อนว่าการแจ้งเบาะแส อาจนำมาซึ่งอันตรายสำหรับพยาบาลที่เป็นผู้แจ้งเบาะแส ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ การถูกฟ้องเพื่อปิดปากผู้แจ้งเบาะแส ยังกลายเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของระบบการต่อต้านคอร์รัปชันของไทยเสมอมา และส่งผลให้การแจ้งเบาะแสของไทยมีปัญหา จนทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันทำได้ยากลำบากมากขึ้น

เพราะข้อมูลการทุจริตจำนวนมากจำเป็นต้องอาศัยคนในเท่านั้นในการปล่อยข้อมูลออกมา ผู้แจ้งเบาะแสจึงเป็นอีกหนี่งปัจจัยที่เป็นหัวใจที่สำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน ไม่ต่างไปจากการเปิดเผยข้อมูล หรือการออกแบบระบบเพื่อป้องกันการทุจริต

น่าสนใจว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มมาตรการปกป้องผู้แจ้งเบาะแสโดยตรง

กฎหมายใหม่นี้ได้นำหลัก Anti-SLAPP Law (กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก) มาปรับใช้ และให้สำนักงาน ป.ป.ช. เข้ามาคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ที่กล้าออกมาเปิดโปงการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการถูกฟ้องร้องทางอาญา ถูกฟ้องร้องทางแพ่ง หรือถูกเล่นงานทางวินัย สำนักงาน ป.ป.ช. ก็จะมีมาตรการช่วยเหลือ ทั้งในการจัดหาทนาย การแจ้งมติคุ้มครอง และการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี

แม้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่สามารถป้องกันการฟ้องปิดปากได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะด้วยข้อจำกัดที่ระบุให้ครอบคลุมไว้เพียงแค่ประเด็นการทุจริตในภาครัฐ แต่ก็ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ และเป็นการสร้างหลักประกันให้กับคนไทยที่กล้าลุกขึ้นมาแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของภาครัฐ

ฉะนั้น ต่อจากนี้ไปคนไทยก็จะสามารถเปลี่ยนจากนิสัยที่แค่ใส่ใจหรือรับรู้เรื่องการทุจริต ให้กลายเป็นการแจ้งเบาะแสเข้าสู่ระบบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อได้แล้ว โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกฟ้องร้องหรือต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายแนวทางที่หน่วยงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน อาจจะต้องผลักดันเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนนิสัยชอบใส่ใจของคนไทยให้กลายเป็นการแจ้งเบาะแสการทุจริต

เช่น งานศึกษาของพิศอําไพ สมความคิด และรัชนี แมนเมธี (2557) เรื่อง “มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชัน” ที่ระบุว่านอกจากการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสแล้ว ยังควรที่จะต้องมีการคุ้มครองครอบครัว รวมถึงมีรางวัลตอบแทนที่ชัดเจนควบคู่กันไปด้วย

โดยสรุปแล้ว เราอาจกล่าวได้ว่าในวันนี้หน่วยงานภาครัฐมีการเคลื่อนไหวเชิงบวกเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเปิดโปงการทุจริต

นี่คือโอกาสใหม่ในการร่วมกันต่อต้านคอร์รัปชันในฐานะพลเมือง ที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้ง เพราะรัฐและกฎหมายจะยืนอยู่ข้างคนที่กล้าเปิดโปงการทุจริต


มาร่วมกันแฉปัญหาการทุจริตในสังคมไทยได้แล้ววันนี้ ไม่ว่าจะผ่านเพจ “ต้องแฉ” หรือเครื่องมืออย่าง “Corruption Watch” เเชตฟ้องโกงทันใจ ผ่านไลน์ (@corruptionwatch)

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย I มันจบแล้วครับ…(ถ้า) นาย (โกง) : รู้จักกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะทุจริต

การแจ้งเบาะแส เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่สามารถลดการคอร์รัปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคงไม่มีใครให้มีข้อมูลเชิงลึกได้เท่า “คนใน” องค์กรเอง แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนในองค์กรไม่กล้าให้แจ้งเบาะแสทุจริต คือ “ความกลัว”

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รู้จัก 3 แนวทาง Support ผู้แจ้งเบาะแสทุจริต

ยิ่งมีคนแจ้งเบาะแสมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีการตรวจสอบและช่วยนำคนผิดมาลงโทษมากเท่านั้น แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนที่มีข้อมูลไม่อยากแจ้งเบาะแส เพราะกลัวว่าถ้าแจ้งไปแล้วก็อาจจะโดนกลั่นแกล้ง

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รางวัลแด่คนช่าง “แจ้ง”

กุญแจสำคัญที่จะช่วยจัดการคอร์รัปชันได้ คือ “การมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส” เพราะถ้าทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนมีส่วนร่วมในการช่วยตรวจสอบคอร์รัปชันภายในหน่วยงานรัฐ ช่วยกันแจ้งเบาะแส จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐรู้สึกกดดัน กลัวจะถูกจับได้และไม่กล้าคอร์รัปชัน ภาครัฐจึงมีความพยายามอย่างมากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน

You might also like...

KRAC Extract | ทรัพย์สินที่ไม่ควรอยู่ในเงามืด: เมื่อความโปร่งใสคือพันธกิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

หลายประเทศพัฒนาระบบเปิดเผยรายได้ ผลประโยชน์ และทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ตรวจสอบได้ โปร่งใส และลดผลประโยชน์ทับซ้อน KRAC Extract สรุปงานวิจัย “Improving and Enforcing Income, Interest and Asset Declaration Systems” (2024) ที่ชี้แนวทางสร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบในภาครัฐอย่างยั่งยืน

KRAC Hot News I เปิดข้อมูลคาร์บอน หัวใจสำคัญแก้ปัญหามลพิษไทย

ข่าวดี! สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด วาระ 3 แล้ว กฎหมายสำคัญที่ใช้หลักการ “ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย” เพื่อแก้ PM 2.5 อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการเปิดเผย “ข้อมูลคาร์บอน” ที่โปร่งใส มาตรฐานเดียว และเข้าถึงได้ เพื่อให้รัฐ เอกชน และประชาชนร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

KRAC Insights I การวัดระดับการคอร์รัปชันและอาชญากรรมสำคัญอย่างไร และมีไว้เพื่ออะไร

KRAC ชวนสำรวจวิธีการที่องค์การระหว่างประเทศอย่าง GI-TOC ใช้ในการวัดระดับการคอร์รัปชันในประเทศต่าง ๆ ผ่านการบรรยายพิเศษ โดยคุณ Kristina Amerhauser นักวิจัยอาวุโสจาก GI-TOC ในรายวิชา 2952336 Economics of Anti-corruption คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ