การทุจริตเชิงนโยบายสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางนโยบาย โดยการสกัดกั้นต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ พรรคการเมือง ภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและติดตามการออกนโยบาย
การทุจริตเชิงนโยบาย (Policy Corruption) เป็นปัญหาที่พบมากในปัจจุบันและก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีกลไกเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโนบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ
- เพื่อศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์วงจรและกระบวนการเกิดการทุจริตเชิงนโยบายในระดับชาติ และท้องถิ่น
- เพื่อศึกษา ออกแบบระบบ มาตรการ กลไกทางกฎหมายและอื่น ๆ เพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย
- เพื่อจัดทําข้อเสนอแนะ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทํานโยบายสาธารณะ กลไกการตรวจสอบในขั้นตอนต่าง ๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบและการกําหนดความรับผิดทางกฎหมาย
ผลการศึกษา พบว่า การทุจริตเชิงนโยบายเกิดจากการใช้อํานาจของฝ่ายบริหารของรัฐหรือผู้บริหารขององค์การในการเสนอโครงการหรือการดําเนินโครงการที่เอื้อผลประโยชน์ต่อตนเองหรือบุคคลอื่น และทําให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งปรากฏขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางนโยบาย โดยการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ พรรคการเมือง ภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและติดตามการออกนโยบายเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายที่อาจเกิดขึ้น ประกอบกับการพัฒนาระบบข้อมูลที่อำนวยความสะดวกต่อการตรวจสอบการดำเนินนโยบาย เพื่อให้สามารถสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย
- สำนักงาน ป.ป.ช. มีอำนาจให้ความเห็นและข้อเสนอแนะกับหน่วยงานหรือฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่มีสภาพบังคับทางกฎหมายโดยทันที จึงต้องอาศัยกลไกการกํากับติดตามและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะองค์กรตรวจสอบเพื่อบูรณาการร่วมกันในการกํากับดูแลและตรวจสอบในเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้ข้อเสนอแนะดังกล่าว
- สำนักงาน ป.ป.ช. มีปัญหาด้านการประชาสัมพันธ์ข้อเสนอแนะให้ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมรับทราบ ซึ่งมีส่วนทำให้กลไกการตรวจสอบและร้องเรียนโดยภาคประชาชนยังไม่เกิดผลจากการเฝ้าระวังตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย
- แบบจำลองกลไกการสกัดกั้นทุจริตเชิงนโยบาย แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นการก่อตัวของนโยบายที่ควรให้อํานาจ ก.ก.ต. ในการกําหนดกติกา ควบคุม/แจ้งเตือนการหาเสียงของพรรคการเมืองเท่าที่จําเป็น โดยไม่กระทบต่อหลักประชาธิปไตย ในขณะที่ภาคประชาสังคมควรมีความตื่นตัวและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการหาเสียงเลือกตั้ง
- ขั้นการกำหนดนโยบาย ควรกําหนดให้การแถลงนโยบายต่อสภาและมีการลงมติในรายประเด็น เพื่อใช้กลไกทางรัฐสภาในการตรวจสอบการกําหนดนโยบายของฝ่ายบริหาร และให้สํานักงบประมาณของรัฐสภาทําหน้าที่ในการวิเคราะห์นโยบาย
- ขั้นการตัดสินใจนโยบาย รัฐสภาควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการจัดทําโครงการของรัฐ และให้สํานักงบประมาณของรัฐสภาทำหน้าที่ให้ข้อมูลในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณและการควบคุมตรวจสอบงบประมาณ ในขณะที่ภาคประชาสังคม ควรมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลในการจัดทําโครงการเพื่อให้ฝ่ายบริหารมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ
- ขั้นการนำไปสู่การปฏิบัติ ควรใช้กลไกทางรัฐสภาในการถ่วงดุลอํานาจการตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบาย และให้องค์กรตรวจสอบทําหน้าที่ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเมื่อพบโอกาสที่จะนำไปสู่การทุจริต อีกทั้ง ภาคประชาสังคมควรมีบทบาทในการสอดส่อง ตรวจสอบ และนําเสนอต่อสาธารณะถึงการกระทําที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย
- ขั้นการประเมินนโยบาย ควรใช้กลไกรัฐสภาในการติดตามและประเมินผลการนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยฝ่ายบริหารควรจัดให้มีการประเมินผลหรือติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้ทันท่วงที ในขณะที่สํานักงบประมาณมีหน้าที่ในการนําผลการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณในการดําเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
พัชรวรรณ นุชประยูร, อมรรัตน์ กุลสุจริต, ศักดิ์วุฒิ วิบูลสมัย และ กวินา กิจกําแหง. (2563). การสังเคราะห์การทุจริตเชิงนโนยบายเพื่อการออกแบบระบบและพัฒนากลไกการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายของไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- พัชรวรรณ นุชประยูร
- อมรรัตน์ กุลสุจริต
- ศักดิ์วุฒิ วิบูลสมัย
- กวินา กิจกําแหง
หัวข้อ
โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตจากนโยบายและโครงการของรัฐ
งานวิจัยนี้ จะพาไปทำความเข้าใจรูปแบบ คุณลักษณะ และวิธีการดำเนินนโยบาย มาตรการ หรือโครงการของรัฐเพื่อหาวิธีการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น
โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ
ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง