การสังเคราะห์การทุจริตเชิงนโนยบายเพื่อการออกแบบระบบและพัฒนากลไกการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายของไทย

การทุจริตเชิงนโยบายสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางนโยบาย โดยการสกัดกั้นต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ พรรคการเมือง ภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและติดตามการออกนโยบาย

การทุจริตเชิงนโยบาย (Policy Corruption) เป็นปัญหาที่พบมากในปัจจุบันและก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีกลไกเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโนบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์วงจรและกระบวนการเกิดการทุจริตเชิงนโยบายในระดับชาติ และท้องถิ่น
  2. เพื่อศึกษา ออกแบบระบบ มาตรการ กลไกทางกฎหมายและอื่น ๆ เพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย
  3. เพื่อจัดทําข้อเสนอแนะ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทํานโยบายสาธารณะ กลไกการตรวจสอบในขั้นตอนต่าง ๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบและการกําหนดความรับผิดทางกฎหมาย

ผลการศึกษา พบว่า การทุจริตเชิงนโยบายเกิดจากการใช้อํานาจของฝ่ายบริหารของรัฐหรือผู้บริหารขององค์การในการเสนอโครงการหรือการดําเนินโครงการที่เอื้อผลประโยชน์ต่อตนเองหรือบุคคลอื่น และทําให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งปรากฏขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางนโยบาย โดยการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ พรรคการเมือง ภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและติดตามการออกนโยบายเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายที่อาจเกิดขึ้น ประกอบกับการพัฒนาระบบข้อมูลที่อำนวยความสะดวกต่อการตรวจสอบการดำเนินนโยบาย เพื่อให้สามารถสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย

  • สำนักงาน ป.ป.ช. มีอำนาจให้ความเห็นและข้อเสนอแนะกับหน่วยงานหรือฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่มีสภาพบังคับทางกฎหมายโดยทันที จึงต้องอาศัยกลไกการกํากับติดตามและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะองค์กรตรวจสอบเพื่อบูรณาการร่วมกันในการกํากับดูแลและตรวจสอบในเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้ข้อเสนอแนะดังกล่าว
  • สำนักงาน ป.ป.ช. มีปัญหาด้านการประชาสัมพันธ์ข้อเสนอแนะให้ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมรับทราบ ซึ่งมีส่วนทำให้กลไกการตรวจสอบและร้องเรียนโดยภาคประชาชนยังไม่เกิดผลจากการเฝ้าระวังตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 

สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

  • แบบจำลองกลไกการสกัดกั้นทุจริตเชิงนโยบาย แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นการก่อตัวของนโยบายที่ควรให้อํานาจ ก.ก.ต. ในการกําหนดกติกา ควบคุม/แจ้งเตือนการหาเสียงของพรรคการเมืองเท่าที่จําเป็น โดยไม่กระทบต่อหลักประชาธิปไตย ในขณะที่ภาคประชาสังคมควรมีความตื่นตัวและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการหาเสียงเลือกตั้ง
  • ขั้นการกำหนดนโยบาย ควรกําหนดให้การแถลงนโยบายต่อสภาและมีการลงมติในรายประเด็น เพื่อใช้กลไกทางรัฐสภาในการตรวจสอบการกําหนดนโยบายของฝ่ายบริหาร และให้สํานักงบประมาณของรัฐสภาทําหน้าที่ในการวิเคราะห์นโยบาย
  • ขั้นการตัดสินใจนโยบาย รัฐสภาควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการจัดทําโครงการของรัฐ และให้สํานักงบประมาณของรัฐสภาทำหน้าที่ให้ข้อมูลในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณและการควบคุมตรวจสอบงบประมาณ ในขณะที่ภาคประชาสังคม ควรมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลในการจัดทําโครงการเพื่อให้ฝ่ายบริหารมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ
  • ขั้นการนำไปสู่การปฏิบัติ ควรใช้กลไกทางรัฐสภาในการถ่วงดุลอํานาจการตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบาย และให้องค์กรตรวจสอบทําหน้าที่ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเมื่อพบโอกาสที่จะนำไปสู่การทุจริต อีกทั้ง ภาคประชาสังคมควรมีบทบาทในการสอดส่อง ตรวจสอบ และนําเสนอต่อสาธารณะถึงการกระทําที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย
  • ขั้นการประเมินนโยบาย ควรใช้กลไกรัฐสภาในการติดตามและประเมินผลการนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยฝ่ายบริหารควรจัดให้มีการประเมินผลหรือติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้ทันท่วงที ในขณะที่สํานักงบประมาณมีหน้าที่ในการนําผลการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณในการดําเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

พัชรวรรณ นุชประยูร, อมรรัตน์ กุลสุจริต, ศักดิ์วุฒิ วิบูลสมัย และ กวินา กิจกําแหง. (2563). การสังเคราะห์การทุจริตเชิงนโนยบายเพื่อการออกแบบระบบและพัฒนากลไกการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายของไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2563
ผู้แต่ง
  • พัชรวรรณ นุชประยูร 
  • อมรรัตน์ กุลสุจริต 
  • ศักดิ์วุฒิ วิบูลสมัย 
  • กวินา กิจกําแหง 
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตจากนโยบายและโครงการของรัฐ

งานวิจัยนี้ จะพาไปทำความเข้าใจรูปแบบ คุณลักษณะ และวิธีการดำเนินนโยบาย มาตรการ หรือโครงการของรัฐเพื่อหาวิธีการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่อต้านคอร์รัปชันอย่างไร ให้กลายเป็นประเทศที่โปร่งใสเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ?

“ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้” ประเทศจากเอเชียเพียงไม่กี่ประเทศที่มีความโปร่งใสอยู่ในดับต้น ๆ ของโลก คำถามคือ พวกเขาประสบความสำเร็จแบบนั้นได้อย่างไร ?

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | How to โปร่งใส : แก้ปัญหาทุจริตเชิงนโยบายสไตล์ญี่ปุ่น

“ทำลายจุดอ่อนเสริมจุดแข็ง” KRAC ชวนดูวิธีการปฏิรูประบบการบริหารราชการและการกำหนดนโยบาย รวมถึงการดำเนินการทางกฎหมายกรณีทุจริตเชิงนโยบายของประเทศญี่ปุ่น

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ต้นเหตุการเสียงบประมาณรัฐหลักพันล้าน

“รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด” เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดส่วนหนึ่งเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนและปล่อยปละละเลยรถบรรทุกเหล่านี้