การสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

การศึกษาแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริต พบว่า การนำค่านิยมสุจริตมาใช้กับองค์การทางสังคมสามารถปรับตามแนวคิดวัฒนธรรมองค์การได้ เนื่องจากวัฒนธรรมองค์การเป็นแนวคิดที่อธิบายถึง ความเชื่อ และค่านิยมภายในองค์การ ซึ่งกำหนดพฤติกรรมของสมาชิกในองค์การ

การปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมความสุจริตเชื่อมโยงกับการสร้างวัฒนธรรมองค์การในองค์การต่าง ๆ ทางสังคม เพราะองค์การเป็นสังคมแบบหนึ่งที่มีวัฒนธรรมเป็นหลักในการดรงชีวิต และการควบคุมทางสังคม (Social Control) ซึ่งเกิดจากการที่บุคคลมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มคนประเภทต่างๆ เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน ศาสนา และองค์การทางสังคมอื่น จึงให้เกิดการเรียนรู้ ค่านิยม ความเชื่อ

ดังนั้น การสังเคราะห์แนวทางปลูกฝังเจตคติวัฒนธรรมสุจริตด้วยแนวคิดวัฒนธรรมองค์การกับองค์การทางสังคม จึงสามารถไปใช้ในการปลูกฝังจิตสนึกวิธีคิดสุจริตที่เหมาะสมกับองค์การทางสังคมของประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยได้รับการประเมินดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ดีขึ้น

จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทย ทั้งทางตรง และทางอ้อม

  2. เพื่อศึกษากรณีต่างประเทศเกี่ยวกับรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตที่เป็นฐานของการมีเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริต 3 ประเทศ ได้แก่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐฟินแลนด์

  3. เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์หารูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการนำมาใช้ในสังคมไทย
  4. เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ในการขับเคลื่อนการปลูกฝังวิธีคิด สร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมสุจริตที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยในทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ผลการศึกษา พบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2540-2550 มีการปลูกฝังความสุจริตโดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชน องค์การทางการศึกษา องค์การสื่อมวลชน องค์การวิชาชีพ องค์การเอกชน และองค์การสาธารณประโยชน์และเครือข่ายต่าง ๆ ร่วมกันสร้างความสุจริตและต่อต้านการทุจริต และช่วงปี พ.ศ. 2551-2562 พบว่า การปลูกฝังความสุจริตยังคงดเนินการพัฒนาระบบการบริหารราชการให้โปร่งใสตามหลักธรรมภิบาล ผนวกกับการใช้มาตรการทางกฎหมาย การสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนในการป้องกัน และเฝ้าระวังการทุจริตและการกำหนดมาตรการป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมืองโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการพัฒนานวัตกรรมในการป้องกันการทุจริต 

สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย

  • จากการศึกษา พบว่า  ในกรณีของต่างประเทศของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐฟินแลนด์ พบทั้งจุดเด่น จุดด้อยที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ดังนี้  
    1. องค์การที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยตรงใช้อำนาจทางกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำหนดโครงสร้างที่ชัดเจนและใช้ระบบการบริหารจัดการภายในหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ  
    2. องค์การทางการศึกษาใช้จรรยาบรรณวิชาชีพควบคุมและตรวจสอบครูตามหลักคุณธรรม  
    3. องค์การทางศาสนายังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจน
    4. องค์การชุมชนเน้นการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเป็นกลไกการเฝ้าระวังและตรวจสอบการทุจริต 
    5. องค์การธุรกิจใช้วิธีการให้ความรู้และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แบ่งตามประเภทธุรกิจ  
    6. องค์การทางการเมืองการปกครองใช้กฎหมายและเน้นการสร้างบรรทัดฐานทางด้านจริยธรรม  
    7. องค์การสื่อมวลชนใช้ประมวลจริยธรรมสื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ 
  • ผลการวิเคราะห์ และสังเคราะห์รูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริต พบว่า  
    1. ครอบครัวต้องเป็นต้นแบบที่ดี การสร้างปฏิสัมพันธ์โดยมีกลไกบุคคลคือ พ่อแม่ผู้ปกครอง และใช้แนวทางการทำกิจกรรมในครอบครัวและกิจกรรมทางศาสนา
    2. องค์การทางการศึกษาใช้การกำหนดนโยบาย และระเบียบปฏิบัติด้านการประพฤติสุจริต การปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู และกลไกเครือข่าย เช่น ผู้ปกครอง ชุมชน แนวทางการปลูกฝังใช้การบรรจุเรื่องความสุจริตในแผนพัฒนาโรงเรียนและใช้การฝึกอบรมผ่านกิจกรรมต่างๆ  
    3. องค์การทางศาสนามีรูปแบบการปลูกฝังวัฒนธรรมสุจริตด้วยพระธรรมวินัย และหลักธรรมทางศาสนา แนวทางการปลูกฝัง ใช้การจัดกิจกรรมส่งเสริมความสุจริตและกิจกรรมทางศาสนา  
    4. องค์การชุมชนมีรูปแบบการปลูกฝังผ่านผู้นำชุมชนให้เป็นแบบอย่างให้สมาชิกชุมชน กลไกการควบคุมโดยใช้การจัดทำธรรมนูญชุมชน  
    5. องค์การธุรกิจมีรูปแบบการใช้หลักการบริหารองค์การอย่างโปร่งใส การให้ความรู้เรื่องความสุจริต โดยมีกลไก คือ นโยบายขององค์การ ระบบการสื่อสารภายในองค์การ ระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการสื่อสารถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์การ รวมถึงการจัดทำคู่มือพนักงานเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติการเข้าร่วมกิจกรรมอบรม และการใช้พันธสัญญาทางใจกับพนักงานในการลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์  
    6. องค์การทางการเมืองการปกครองมีรูปแบบการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี รวมถึงการใช้กลไกคณะกรรมการและแผนป้องกันการทุจริต และใช้แนวทางเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการปฏิบัติงาน การทำกิจกรรม การยกย่องบุคคลต้นแบบประพฤติสุจริตและจัดทำสื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร  
    7. องค์การสื่อมวลชนใช้รูปแบบการปลูกฝังด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพและกำหนดกฎระเบียบ บทลงโทษเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีกลไกหน่วยงาน เช่น เครือข่าย สมาคม และสภาสื่อมวลชนกำกับดูแลการนำเสนอข้อมูล  

สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

  • สำนักงาน ป.ป.ช. ควรเป็นหน่วยงานหลักในการเผยแพร่คู่มือการปลูกฝังวัฒนธรรมสุจริตให้กับองค์การทางสังคม เพื่อสร้างเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตในองค์การ 
  • สำนักงาน ป.ป.ช. ควรจัดตั้งกลไกคณะทำงาน 7 ชุด สำหรับการดำเนินการปลูกฝังวัฒนธรรมสุจริตตามองค์การทางสังคมทั้ง 7 ประเภท โดยคณะทำงานควรประกอบด้วยบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้แทนจากองค์การทางสังคม 
  • สำนักงาน ป.ป.ช. ควรใช้แนวทางการสนับสนุนการดำเนินงาน โดยการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับองค์การทางสังคม และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์การที่เกี่ยวข้อง 
  • เพื่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการสร้างเสริมการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัด ควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายป้องกันอารทุจริตในพื้นที่ด้วย 
  • สำนักงาน ป.ป.ช. ควรใช้แนวทางการสร้างความเข้าใจ โดยการจัดทำแหล่งข้อมูลอ้างอิงแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สำหรับองค์การทางสังคม รวมถึงใช้แนวทางส่งเสริมความสุจริตโดยจัดกิจกรรมให้ความรู้หรือโครงการส่งเสริมความสุจริต 
  • เนื่องจากกลไกบุคคลมีบทบาทสำคัญในทุกองค์การทางสังคม การปลูกฝังเจตคติและความสุจริตจึงควรเริ่มต้นจากการส่งเสริมให้ผู้นำองค์การเป็นแบบอย่างที่ดี และควรเสริมแรงจูงใจให้กับองค์การปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตในองค์การ เช่น การมอบรางวัลประจำปี 
  • เมื่อดำเนินการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตในองค์การต่าง ๆ แล้ว สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะทำงานควรมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเรื่องการส่งเสริมความสุจริตระหว่างองค์การ เช่น จัดให้มีการประชุมทางวิชาการ การแสดงผลดำเนินผลงานประจำปี การจัดกิจกรรมพัฒนาความรู้และการปลูกฝังความสุจริตร่วมกัน 
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

ธิฏิรัตน์ พิมลศรี, ศิรภัสสรศ์ วงศ์ทองดี, นิติพล ธาระรูป, ณัฐวดี ลิ้มเลิศเจริญวนิช และธนันต์ ไพรเกษตร. (2563). การสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต. สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. 

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2563
ผู้แต่ง
  • ผศ.ดร.ธิฏิรัตน์ พิมลศรี 
  • ศ.ดร.ศิรภัสสรศ์ วงศ์ทองดี 
  • นิติพล ธาระรูป 
  • ณัฐวดี ลิ้มเลิศเจริญวนิช 
  • ธนันต์ ไพรเกษตร 
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน

เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่

โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2

จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ

โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ