การเข้าแสวงหาประโยชน์จากกิจการจดทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยกลุ่มทุนทางการเมืองหลักฐานเชิงประจักษ์จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

งานวิจัย พบว่า นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้เปรียบในการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากมีอัตราความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการสูงกว่าและถือครองหุ้นในระยะเวลาสั้นกว่าพร้อมกับความผันผวนของราคาหุ้นที่สูงขึ้นหลังจากการฟื้นฟูกิจการ

วิกฤตการณ์ทางการเงินในช่วงปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2542 ส่งผลให้กิจการจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์จํานวนมากต้องประสบปัญหาในการดําเนินงานอย่างรุนแรง จากเหตุการณ์ดังกล่าว หากศึกษาในรายละเอียดของกิจการที่ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูกิจการ จะพบว่ากลุ่มทุนทางการเมืองเป็นกลุ่มทุนสำคัญที่เข้าไปมีส่วนในการฟื้นฟูกิจการทั้งในทางตรงและทางอ้อมผ่านเครือญาติ หรือคนใกล้ชิด ปรากฏการณ์ในครั้งนี้จึงก่อให้เกิดคําถามที่น่าสนใจว่า “กลุ่มทุนทางการเมืองมีพฤติกรรมเข้าฉกฉวยผลประโยชน์จากการฟื้นฟูกิจการของกิจการจดทะเบียนหรือไม่”

จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อทราบถึงรูปแบบของการแสวงหาประโยชน์จากการฟื้นฟูกิจการของกิจการจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้อิทธิพลทางการเมืองในการสร้างผลกําไรจากการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม
  2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประเด็นที่บ่งชี้ถึงพฤติกรรมการเข้าแสวงหาประโยชน์จากกิจการจด ทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยกลุ่มทุนทางการเมือง เปรียบเทียบกับกล่มทุนทั่วไป
  3. เพื่อสร้างข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มทุนการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ผลการศึกษา พบว่า จากเหตุการณ์การรัฐประหารในพ.ศ. 2549 ส่งผลให้อํานาจทางการเมืองเปลี่ยนมือไปยังกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม ภายหลังจากกลุ่มทุนทางการเมืองที่หนุนหลังอยู่สูญเสียอํานาจไปแล้ว ผลการดําเนินงานและฐานะการเงินของกลุ่มทุนทางการเมืองไม่ได้ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยนักลงทุนทั่วไป แสดงให้เห็นว่า ผลการดําเนินงานของกิจการเหล่านั้นอาจขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนทางการเมือง หรืออาจเป็นเพราะศักยภาพทางธุรกิจของกิจการเหล่านั้นผูกติดกับนโยบายทางการเมือง 

สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย

  • จากการศึกษา พบว่า กิจการที่ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูกิจการโดยนักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองมีสัดส่วนที่สูงกว่ากิจการที่ได้รับการฟื้นฟูโดยกลุ่มนักลงทุนทั่วไป
  • จากการศึกษา พบว่า ราคาหลักทรัพย์หลังจากการผ่านกระบวนการฟื้นฟูของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยผู้ลงทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองผันผวนสูงกว่าราคาหลักทรัพย์ของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยผู้ลงทุนทั่วไป
  • จากการศึกษา พบว่า ผู้ลงทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองนั้นถือครองหลักทรัพย์ที่ได้มาสั้นกว่ากลุ่มผู้ลงทุนทั่วไป และเมื่อพิจารณาผลประกอบการหลักจากที่ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ พบว่า ผลประกอบการของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูกิจการโดยกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมืองมีผลประกอบการที่ไม่แตกตางไปจากช่วงก่อนปี พ.ศ. 2549 ในขณะที่กิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยกลุ่มผู้ลงทุนทั่วไปนั้นมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติไม่ว่าจะประเมินจากรายได้หลักกําไรขั้นต้น หรือกําไร จากการดําเนินงานหลังหักภาษี 

สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

  • ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนเพิ่มเติมจากการใช้กระบวนการทางกฎหมาย โดยการเปิดช่องทางให้ข้อมูลปูมหลังของนักการเมือง หรือตั้งกลุ่มองค์กรอิสระที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐมนตรีหรือว่าที่รัฐมนตรีให้กับประชาชนได้รับรู้
  • บทบาทของหน่วยงานกํากับดูแลตลาดทุนควรกำหนดมาตรการที่ช่วยลดความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อย ได้แก่ การกําหนดช่วงของการซื้อขายระหว่างวันให้เหมาะสมกว่าการปล่อยให้ราคาขึ้นลงอย่างไร้ขีดจํากัด ตลอดจนควรกําหนดแนวทางในการให้ความรู้และพัฒนานักลงทุนรายย่อยที่เป็นรูปธรรม ซงจะช่วยลดความเสี่ยงของนักลงทุนลง และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดทุนได้อย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

สมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ และสุชาติ เหล่าปรีดา. (2557). การเข้าแสวงหาประโยชน์จากกิจการจดทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยกลุ่มทุนทางการเมือง หลักฐานเชิงประจักษ์จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. 

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2557
ผู้แต่ง
  • สมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ
  • สุชาติ เหล่าปรีดา
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

โครงการนโยบายประชานิยม : ผลกระทบและแนวทางการรับมือ

วิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายประชานิยม และกําหนดกรอบนโยบายที่เหมาะสม เพื่อเสนอแนะแนวทางและมาตรการการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายประชานิยม

You might also like...

KRAC Insights I คอร์รัปชัน: อาชญากรรมข้ามชาติที่สั่นคลอนโลก

KRAC ชวนทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ปัญหาคอร์รัปชันถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมข้ามชาติ ผ่านการบรรยายพิเศษโดย คุณณิชาณี วงศ์บา จาก UNODC ในรายวิชา 2952336 Economics of Anti-corruption คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬฯ

KRAC Hot News I จาก “ป้าข้างบ้าน” สู่การแจ้งเบาะแส โอกาสการต่อต้านคอร์รัปชันของไทย

คนไทยขึ้นชื่อว่าใส่ใจและช่างสังเกต แต่ที่ผ่านมาเรื่องราวการโกงมักจบแค่ซุบซิบกัน ไม่ได้ก้าวไปสู่การแจ้งจริง วันนี้กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก ของ ป.ป.ช. เข้ามาคุ้มครองผู้กล้าเปิดโปงทุจริต ป้องกันการฟ้องปิดปาก และช่วยเหลือด้านคดี ทำให้เราไม่ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป

KRAC Extract | ความกล้าหาญที่ไม่ควรถูกคุกคาม: เมื่อกลไกคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคือหลักประกันของสังคมโปร่งใส

การเปิดโปงคอร์รัปชันคือความกล้าหาญที่ต้องแลกด้วยความเสี่ยง ทั้งการถูกกีดกัน ข่มขู่ หรืออันตรายถึงชีวิต เราจะปกป้องผู้เปิดโปงและทำให้การรายงานทุจริตปลอดภัยได้อย่างไร ชวนอ่านจากรายงานเรื่อง Physical protection mechanisms for people who report corruption