การศึกษาประสิทธิภาพภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด พบว่า การดำเนินงานมีปัญหานับตั้งแต่กระบวนการวางแผน ขั้นตอนการทำงาน ตลอดจนการประเมินผล จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตได้อย่างมีประสิทธิผล
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) จัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด เรียกว่า “กลุ่มปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ สำนักงานป.ป.ช.” เพื่อให้การบริหารงานเกิดความคล่องตัวและเป็นกลไกในการดำเนินงานและประสานงานระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในด้านปราบปรามการทุจริต ด้านป้องกันการทุจริต และด้านตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน รวมถึงยังเป็นไปเพื่อการศึกษาปัญหาการทุจริตและแก้ปัญหาการทุจริตที่มีรูปแบบแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาทุจริตผ่านการแจ้งเบาะแส
จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ
เพื่อศึกษาการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด
เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด
เพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงานป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด
ผลการศึกษา พบว่า การดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยังคงมีปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานตั้งแต่กระบวนการวางแผนการดำเนินโครงการ/กิจกรรมป้องกันการทุจริตในพื้นที่ ขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจป้องกันการทุจริต รวมถึงปัญหาในการประเมินผลการดำเนินงานที่ยังคงกำหนดตัวชี้วัดในเชิงปริมาณ จึงส่งผลให้การดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่กำหนดจากสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่สามารถแก้ไขปัญหารการทุจริตในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด และไม่สามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันการทุจริตตามเป้าหมาย
สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย
- จากการศึกษา พบว่า การดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดส่วนใหญ่จะเป็นการดำเนินโครงการ/กิจกรรมตามนโยบายของสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง (ร้อยละ 100.00) รองลงมาเป็นการสร้างเครือข่ายกับสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางและหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อร่วมกันตรวจสอบเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์การทุจริตเพื่อให้เกิดการป้องกันการทุจริต (ร้อยละ 91.10) วิทยาการให้ความรู้ (ร้อยละ 86.99) การให้คำปรึกษาและแนะนำการดำเนินการป้องกันการทุจริตแก่หน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ (ร้อยละ 84.25) และการประสานงานกับสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค/ประจำจังหวัด และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการป้องกันการทุจริตในพื้นที่ (ร้อยละ 84.25) การจัดทำแผนโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตในพื้นที่ (ร้อยละ 65.75) และการศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในพื้นที่ (25.34)
- การพิจารณาเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตในพื้นที่ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่ดำเนินการในปัจจุบันกับหน้าที่และอำนาจที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของส่วนราชการ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 พบว่า มีข้อจำกัดและมีการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตบางรูปแบบที่ยังมีสัดส่วนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในพื้นที่เพื่อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต
- จากการศึกษา พบว่า การบริหารจัดการและการประสานงานระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางกับกลุ่มปฏิบัติภารกิจพื้นที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ยังไม่เป็นไปตามระบบ รวมถึงความเห็นของผู้บริหารและเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตที่ดำเนินงานในพื้นที่ในเรื่องของการมีส่วนร่วมในการกำหนดโครงการ/กิจกรรมเพื่อดำเนินการในพื้นที่จังหวัดยังคงมีความต่างกัน
- จากการศึกษา พบว่า ในโครงการเดียวกันต้องมีรายงานข้อมูลให้หลายสำนักด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสำนักนโยบายและแผน และสำนักที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการรายงานดังกล่าวมีแบบฟอร์มการรายงานที่แตกต่างกันทำให้การรายงานผลการดำเนินโครงการมีความซ้ำซ้อนและยุ่งยาก
- จากการศึกษา พบว่า การกำหนดตัวชี้วัดตาม แผนยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละความสำเร็จของการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และตัวชี้วัดที่ 3 ร้อยละความสำเร็จของการบรรลุเป้าหมายผลลัพธ์ของโครงการสำคัญที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 เป็นการประเมินผลการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตในเชิงปริมาณที่ไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตจากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมป้องกันการทุจริตได
สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย
- เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ ควรมีการกำหนดกลยุทธ์และการวางแผนการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริต ของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง อย่างไรก็ตามควรมีการคำนึงถึงประเด็นเรื่อง “ความหลากหลาย” ของแต่ละพื้นที่ด้วย พร้อมทั้งวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมและบูรณาการการวางแผนร่วมกันระหว่างสำนักป้องกันการทุจริตที่สังกัดสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง
- ควรประสานงานระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางกับกลุ่มปฏิบัติภารกิจพื้นที่ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อป้องกันการดำเนินงานซ้ำซ้อน พร้อมทั้ง กำหนดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจป้องกันการทุจริตเชิงรุก กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับแจ้งเบาะแสการทุจริตจากเครือข่ายของกลุ่มปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ สำนักงาน ป.ป.ช. และประเมินผลการปฏิบัติภารป้องกันการทุจริตที่วัดผลได้
- ควรพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคคลากร ผ่านการอบรม การจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต และการจัดทำบันทึกเวียนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการป้องกันการทุจริต
- เพื่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการสร้างเสริมการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัด ควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายป้องกันการทุจริตในพื้นที่ด้วย
ฉันท์ชนก เจนณรงค์, นางสาวเสาวณีย์ ทิพอุต, นางสาวธีรวรรณ เอกรุณ และเอก ตั้งทรัพย์วัฒนา. (2563). การเพิ่มประสิทธิภาพภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด. สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.
- นางสาวฉันท์ชนก เจนณรงค์
- นางสาวเสาวณีย์ ทิพอุต
- นางสาวธีรวรรณ เอกรุณ
- รองศาสตราจารย์ ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา
หัวข้อ
โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย
ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต
โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน
เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่
โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2
จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ