ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น คือ การละเลยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตลอดจนทำให้เกิดการออกแบบกลไกในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กรหรือพื้นที่ อันจะนำไปสู่การต่อต้านการคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
เพราะการคอร์รัปชันถือเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาของประเทศ จึงส่งผลให้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีการออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งมีทั้งนโยบายที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จปะปนกัน ดังนั้น ในทางวิชาการจึงมีความพยายามในการศึกษาและถอดบทเรียนนโยบายเหล่านี้ เพื่อนำไปสู่การออกแบบนโยบายที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้หลายนโยบายไม่ประสบความสำเร็จ คือ การที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันแบบบนลงล่าง (Top-Down) และละเลยการมีส่วนร่วมของประชาชน และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up)
การมีส่วนร่วมของประชาชน ถือเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่จะทำให้การป้องกันการคอร์รัปชันมีประสิทธิผลและยั่งยืน เพราะเป็นมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชันต่าง ๆ ที่ผ่านมาของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของการใช้กฎหมายหรือมาตรการชุดเดียวสำหรับแก้ปัญหาคอร์รัปชันสำหรับทุกพื้นที่ในประเทศ (One Size Fits All) และไม่คำนึงถึงความสอดคล้องกับบริบทที่มีความหลากหลายของประเทศไทย เช่น ลักษณะของพื้นที่ สถาบันทางสังคมในพื้นที่ บรรทัดฐานทางสังคม ปัจจัยกระตุ้น ความเชื่อ และความแตกต่างของรูปแบบการคอร์รัปชันในพื้นที่ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้รูปแบบและพฤติกรรมการคอร์รัปชันมีความแตกต่าง และทำให้นโยบายหรือมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
การแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up) โดยมุ่งไปที่ความสนใจของประชาชนในพื้นที่ (Interest Based) เป็นหลัก จะช่วยทำให้เรื่องการคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างความเป็นเจ้าของ (Ownership) และความรับผิดชอบ (Accountability) ต่อการบังคับใช้มาตรการที่กระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงการบังคับใช้หรือการตอบรับของผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ หรือความเข้มแข็งของบทบาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้
ดังนั้น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่มีประชาชนเป็น “ศูนย์กลาง” ในการต่อต้านคอร์รัปชัน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดออกแบบกลไกในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันที่มีความเหมาะสมกับบริบทขององค์กรหรือพื้นที่ รวมไปถึงกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอำนาจได้ ซึ่งจะนำไปสู่การต่อต้านการคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนเพิ่มขึ้นต่อไปได้ในอนาคต
ต่อภัสสร์ ยมนาค และสุภัจจา อังค์สุวรรณ. (2566). (ต่อต้าน) คอร์รัปชัน 101 ((Anti) Corruption 101). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
- Anti-Corruption 101
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้การร่วมมือต่อต้านคอร์รัปชันในไทยไม่ได้ผล
ปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การสร้างความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านกลยุทธ์ ด้านโครงสร้าง ด้านแรงจูงใจ ด้านกลไกระหว่างองค์กร และด้านบุคคล …
แล้วที่ผ่านมาเราต่อต้านคอร์รัปชันกันยังไง
“คอร์รัปชัน” และ “การต่อต้านคอร์รัปชัน” ได้ถูกศึกษาและอธิบายถึงลักษณะและความหมายในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านประเด็นและมุมมองที่มีต่อปัญหาผ่านแนวคิดที่หลากหลาย …
ออกแบบเครื่องมือต่อต้านคอร์รัปชันให้เท่าทันการโกง
ในการพัฒนาและออกแบบเครื่องมือต่อต้านการคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ หลักการมีส่วนร่วม หลักความโปร่งใส และหลักความรับผิดชอบ …