ถอดรหัสสมการว่าด้วยการคอร์รัปชัน

แนวคิด “สมการคอร์รัปชัน” นับว่าเป็นหนึ่งในแนวทางของการศึกษาคอร์รัปชันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผ่านการอธิบายปัญหาคอร์รัปชันในรูปแบบของสมการที่เข้าใจได้ง่าย และช่วยทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจถึงรูปแบบของการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจากปัญหาเชิงระบบ และนำไปสู่การสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมของความโปร่งใส และการเมืองแบบเปิด ที่จะช่วยลดปัญหาของการคอร์รัปชันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

แนวทางหนึ่งของการศึกษาคอร์รัปชันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คือ การอธิบายปรากฏการณ์การคอร์รัปชันผ่าน “สมการ” ที่ถูกนำเสนอโดย ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต คลิตการ์ด (Robert Klitgaard) ในหนังสือเรื่อง “Controlling Corruption” (1988) ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ การคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายประเทศนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาทางวัฒนธรรมหรือธรรมเนียมประเพณี แต่เป็นปัญหาเชิงระบบของการตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะผู้ออกแบบนโยบายถูกหล่อหลอมและฝังอยู่ในระบบผูกขาด ทั้งการใช้ดุลพินิจ และขาดกลไกความรับผิดชอบ ซึ่งสามารถนำมาเขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายได้เป็นสมการว่า C (Corruption) = M (Monopoly) + D (Discretion) – A (Accountability) หรือ การคอร์รัปชัน = การผูกขาด + การใช้ดุลพินิจ – การถูกตรวจสอบเอาผิด (Klitgaard, 1988, อ้างถึงใน เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ และคณะ, 2560, น. 3-6)

จากสมการคอร์รัปชันข้างต้นนี้ สามารถอธิบายได้ว่าในสังคมที่มีการผูกขาด (Monopoly) ซึ่งอาจมีความหมายได้ทั้งการผูกขาดอำนาจในทางการเมือง และการผูกขาดอำนาจในทางเศรษฐกิจ โดยหากสังคมมีโครงสร้างการผูกขาดที่สูงทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ก็จะทำให้การคอร์รัปชันสูงตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ สังคมที่มีการใช้ดุลพินิจสูง (Discretion) กล่าวคือ ดุลพินิจในการตัดสินใจ หากตัวแทนสามารถใช้ดุลพินิจสูงโดยขาดการอ้างอิงกฎเกณฑ์ที่มีความแน่นอน ก็จะมีโอกาสเกิดการคอร์รัปชันสูง อีกทั้งสังคมที่มีกลไกความรับผิดชอบต่ำ (Accountability) กล่าวคือ ขาดกลไกความรับผิดชอบที่มีผู้รับผิดชอบ และสามารถตรวจสอบการตัดสินใจของผู้มีอำนาจที่มีประสิทธิภาพ ก็จะมีการคอร์รัปชันที่สูง ในทางตรงกันข้าม หากสามารถลดการผูกขาด (Monopoly) ลดการใช้ดุลพินิจ (Discretion) ไม่ให้มีมากจนทำให้เกิดการคอร์รัปชัน และเพิ่มกลไกความรับผิดชอบ (Accountability) ก็จะช่วยให้เกิดกลไกป้องกันการคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพได้ (พีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์, 2560)

ทั้งนี้ แนวคิดสมการคอร์รัปชัน ยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องของการละเลยถึงการพิจารณาตัวแปรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัจจัยทางวัฒนธรรม การเมือง รวมถึงพฤติกรรมของคนในสังคมว่ามีผลกระทบที่ทำให้เกิดโอกาสการคอร์รัปชันได้หรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำความเข้าใจการคอร์รัปชันที่ไม่ครอบคลุมถึงปัจจัยเชิงบริบทและการเมืองที่กำหนดพฤติกรรมของคนในสังคมอย่างไม่เป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดสมการคอร์รัปชัน ยังถือเป็นแนวคิดที่มีความสำคัญในการช่วยทำให้เราสามารถทำความเข้าใจรูปแบบการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในระบบที่มีกฎระเบียบที่ไม่ดี และช่วยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันสร้างวัฒนธรรมของความโปร่งใสและการเมืองแบบเปิด เพื่อช่วยลดต้นทุนที่เกิดขึ้นในอนาคตจากปัญหาการคอร์รัปชัน

เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

ต่อภัสสร์ ยมนาค และสุภัจจา อังค์สุวรรณ. (2566). (ต่อต้าน) คอร์รัปชัน 101 ((Anti) Corruption 101). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
กุมภาพันธ์ 2567
ผู้แต่ง
  • ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
หัวข้อ
Related Content

แล้วอะไรคือคอร์รัปชัน

การศึกษานิยามของคำว่า “คอร์รัปชัน” มีต้นกำเนิดและความหมายที่ถูกอธิบายผ่านองค์ความรู้ในการมองเรื่องของการคอร์รัปชันที่แตกต่างหลายหลาย แต่จุดร่วมที่สำคัญประการหนึ่งของการให้คำนิยามการคอร์รัปชัน คือ…

หันมองสถาบันและการคอร์รัปชันที่เป็นอยู่

แนวคิดเกี่ยวกับ “สถาบัน” เป็นแนวคิดที่สามารถใช้อธิบายถึงปรากฏการณ์คอร์รัปชันที่มีความซับซ้อน
และเกี่ยวข้องกับมิติทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม …

รู้จัก CPI เพื่อเข้าใจสถานการณ์คอร์รัปชัน

ในปัจจุบัน ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชัน หรือ Corruption Perceptions Index (CPI) นับว่าเป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากรัฐบาล ภาควิชาการ และนักลงทุนทั่วโลก …

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | การใช้ e-bidding เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ?

ชวนสำรวจ e-bidding : เทคโนโลยีการจัดซื้อจ้างออนไลน์ลดคอร์รัปชัน โดยจะพาไปดูผลการใช้งานระบบจริงจากทั้ง 3 กรมว่าเป็นอย่างไร ? แล้วเราจะทำอย่างไรให้ระบบ e-bidding มีประสิทธิภาพมากขึ้น

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิดเป็นเหตุ: สำรวจสถานการณ์ทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโรคระบาด

การระบาดของโควิด-19 นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าการให้และเรียกรับสินบนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “รังนก” ก็โกงได้ : ตรวจสอบช่องโหว่กลไกการให้สัมปทานรังนกไทย

ส่องกลไกสัมปทาน เมื่อการทุจริตรังนกอาจทำให้งบรั่วไหล หากไม่มีกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แล้วเราจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร ? โดย KRAC สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “กระบวนการและการตรวจสอบการให้สัมปทานรังนกในภาคใต้ของประเทศไทย” (2562)