บทความวิจัย | การทุจริตทางวิชาการ: ปัญหาที่บั่นทอนความเข้มแข็งของสังคม

การทุจริตทางวิชาการมีแนวทางแก้ไขเริ่มต้นจากการสร้างเจตคติและค่านิยม โดยการกําหนดนโยบายการดำเนินการที่ชัดเจน การกําหนดประมวลจริยธรรม และการตรวจสอบผลงานทางวิชาการด้วยวยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ตลอดจนมีมาตรการในการลงโทษผู้ที่ทำการทุจริต

 

การทุจริตทางวิชาการเป็นการกระทําที่บั่นทอนความเข้มแข็งของสังคมโดยรวม เนื่องจากการเรียนรู้ในสถาบันการศึกษา การศึกษาค้นคว้าผลงานทางวิชาการ และการสร้างผลงานทางวิชาการเป็นพื้นฐานของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเป็นองค์ความรู้ที่สังคมจะนําไปใช้ในการพัฒนาประเทศ

 

การศึกษาครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อนําเสนอปัญหาการทุจริตทางวิชาการที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ความสําคัญของการทุจริตทางวิชาการ สาเหตุ และแนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตทางวิชาการ โดยใช้วิธีการศึกษาทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการทุจริตทางวิชาการ สาเหตุ และแนวทางแก้ปัญหาการทุจริตทางวิชาการ

 

ผลการศึกษา พบว่า การทุจริตทางวิชาการประกอบด้วยลักษณะสําคัญ 3 ประการ คือ 1) การลอกเลียนผลงานทางวิชาการ (Plagiarism) 2) การสร้างข้อมูลเท็จ การสร้าง ผลงานวิจัยเท็จ หรือการอ้างอิงเท็จ (Fabrication) และ 3) การโกงหรือการทุจริตอื่นๆ (Cheating) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดคุณธรรม การขาดอุดมการณ์ การมีค่านิยมที่ผิด และสาเหตุอื่นๆ เช่น ด้านรายได้ที่ต้องการทำวิจัยเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ เป็นต้น

 

แนวทางแก้ไขปัญหาควรประกอบด้วยการสร้างเจตคติและค่านิยมให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก โดยการกําหนดนโยบายที่ชัดเจน การกําหนดประมวลจริยธรรม (Honor Code) และการตรวจสอบผลงานที่จะมีการนําเสนอโดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ตลอดจนมีมาตรการในการลงโทษผู้ที่ทำการทุจริตทางวิชาการ จะเป็นการแก้ปัญหาและจัดการกับพฤติกรรมการทุจริตทางวิชาการได้อย่างครอบคลุม

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

ธนพร  แย้มสุดา. (2560). การทุจริตทางวิชาการ : ปัญหาที่บั่นทอนความเข้มแข็งของสังคม. วารสารแพทย์นาวี, 44(3), 175181.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2560
ผู้แต่ง
  • ธนพร  แย้มสุดา 
วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย

ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ส่องการตรวจสอบทรัพย์สินเจ้าหน้าที่รัฐ : บทเรียนจาก 3 ชาติ

ความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน KRAC จึงอยากชวนมาดูกลไกการตรวจสอบทรัพย์สินของสหรัฐฯ จอร์เจีย และฮ่องกง พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการปรับใช้ในบริบทของประเทศไทย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 4 แนวทางปลดล็อก “ผู้แจ้งเบาะแส” สู่สังคมที่โปร่งใส

กลไกการแจ้งเบาะแส (Whistleblowing)” คือ หนึ่งในกลไกสำคัญในการต่อต้านการทุจริตโดยมี “ผู้แจ้งเบาะแส” เป็นกุญแจสำคัญ แต่ความเป็นจริงแล้วการสนับสนุนให้คนเข้ามาแจ้งเหตุเป็นเรื่องยากมาก จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ถ้าสื่อไทยมีเสรีภาพมากขึ้น จะช่วยลดการคอร์รัปชันได้หรือไม่ ?

สื่อมวลชนไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่การรายงานข่าว แต่ยังสามารถร่วมแก้ไขปัญหาสังคมและปัญหาการคอร์รัปชันผ่านการเปิดโปงการกระทำผิดของหน่วยงานรัฐได้ ร่วมหาคำตอบว่าเสรีภาพสื่อมวลชนไทยส่งผลต่อระดับคอร์รัปชันในสังคมไทยอย่างไร