ปัญหาการทุจริตในสังคมไทยยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น แม้จะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาจากภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การนำหลักทางพุทธศาสนาที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดีมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ
การศึกษาในครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางการนำหลักธรรมในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า “ฆราวาสธรรม 4 ในการป้องกันทุจริต” โดยใช้วิธีการศึกษาด้วยการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวทางการนำหลักฆราวาสธรรม 4 มาใช้ในการป้องกันทุจริต
ผลการศึกษา พบว่า การนำหลักฆราวาสธรรม 4 ประกอบด้วย (1) สัจจะ การประพฤติด้วยความสุจริต ไม่คดโกง (2) ทมะ การฝึกฝนอบรมตนเองและข่มใจตนเองไม่ให้ไปยึดติดกับอบายมุขคือความโลภ (3) ขันติ ความอดทนต่อกิเลสยั่วยุไม่ให้หลงไปกระทำความผิด และ (4) จาคะ การสละกิเลสออกไปจากใจของตน รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มาใช้ในการแก้ไขการทุจริตจะทำให้ผู้คนมีการดำเนินชีวิตด้วยความสุจริตไม่คดโกง ฝึกจิตใจไม่ให้เกิดความโลภในสิ่งที่ไม่ใช้ของตน อดทนต่อสิ่งยั่วยุ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ
รูปแบบ APA
พิษณุ หอมสมบัติ, พระปลัดภัครวัฒน์ สีลเตโช และสอาด ภูนาสรณ. (2564). ฆราวาสธรรม 4 ประเภท: การป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน. วารสารวิชาการธรรมทัศน์, 21(2), 159–170.

- พิษณุ หอมสมบัติ
- พระปลัดภัครวัฒน์ สีลเตโช
- สอาด ภูนาสรณ
หัวข้อ
โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน
เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่
โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2
จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ
โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป