บทความวิจัย | ปัญหาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

เพื่อแก้ไขปัญหาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ควรเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิสระหรือองค์กรรัฐอื่น ๆ มีสิทธิริเริ่มกระบวนการถอดถอนด้วย

 

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการและปัญหาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่รัฐเสรีประชาธิปไตยใช้ในการควบคุมและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อประกันความชอบธรรมและความชอบด้วยกฎหมายของการดำเนินการภายใต้ขอบเขตอำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเป็นกระบวนการตรวจสอบทางการเมืองที่แยกออกจากกระบวนการตรวจสอบโดยฝ่ายตุลาการหรือองค์กรศาล 

 

กระบวนการถอดถอนบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในไทยตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีปัญหาในหลายด้าน โดยการเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนสามารถทำได้โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อยหนึ่งในสี่ของสภาทั้งหมด หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน ตามที่กำหนดในมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และมาตรา 59 ของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

 

บทความนี้นำเสนอเเนวทางแก้ไขปัญหาด้านการถอดถอนบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในไทยว่า ควรพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายสิทธิ์ริเริ่มกระบวนการถอดถอนให้แก่หน่วยงานหรือองค์กรอื่น เช่น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา นอกเหนือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในกรณีปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงการถอดถอนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แม้ว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวข้องไม่ได้ระบุชัดเจนในเรื่องนี้ แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติยังคงมีอำนาจในการดำเนินการตามกระบวนการถอดถอน รวมถึงการยึดทรัพย์และการระงับสิทธิ์เลือกตั้งในอนาคตตามกฎหมายที่มีบัญญัติไว้อย่างชัดเจน

 

 

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

อมร พิกุลงามโชติ. (2560). ปัญหาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, 8(2), 3443.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2560
ผู้แต่ง

อมร พิกุลงามโชติ

วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตจากนโยบายและโครงการของรัฐ

งานวิจัยนี้ จะพาไปทำความเข้าใจรูปแบบ คุณลักษณะ และวิธีการดำเนินนโยบาย มาตรการ หรือโครงการของรัฐเพื่อหาวิธีการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ