
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นวงกว้าง และการนำหลักการทางพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
บทความนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเสนอแนวทางในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา หรือบูรณาการการแก้ปัญหา รวมทั้งการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย โดยการศึกษาเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วยการนำหลักการทางพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในครั้งนี้ ใช้วิธีการศึกษาด้วยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับพุทธธรรมและการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย
จากการศึกษา พบว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันด้วยหลักพุทธธรรมต้องอาศัยการผลักดันของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานทางศาสนาในการนำหลักธรรมวินัย เช่น หลักศีล หลักสุจริต หลักสัมมาอาชีวะ เป็นต้น มาปรับใช้ในสังคมไทยด้วยการส่งเสริมผ่านกระบวนการความเชื่อทางศาสนาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติตาม ประกอบกับการมีมาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่ใช้ได้จริง และการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลกับผู้บริหารองค์กรและเยาวชน จึงจะทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหมดไปจากสังคมไทย
รูปแบบ APA
เชฐ ทั่งโต. 2559. พุทธธรรมกับการป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย. วารสารจันทรเกษมสาร มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม. 22(43), 1-15.

พิเชฐ ทั่งโต ภาควิชารัฐศาสตร์
หัวข้อ
โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน
เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่
โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2
จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ
โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป