
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นรากเหง้าความชั่วร้ายที่กดทับการพัฒนาประเทศชาติทุกระดับ และเป็นวงจรอุบาท (Vicious cycle) ที่ส่งผลให้เกิด “โง่ จน เจ็บ” ซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น
การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับพุทธบูรณาการกับศาสตร์พระราชาในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทย และประยุกต์ใช้แนวทางพุทธบูรณาการกับศาสตร์พระราชาในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทย โดยใช้วิธิการศึกษาแบบทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิดเกี่ยวกับพุทธบูรณาการกับศาสตร์พระราชาในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทย
ผลการศึกษา พบว่า แนวคิดพุทธบูรณาการกับศาสตร์พระราชาที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทย คือ การนำหลักสัมมัปปธาน 4 บูรณาการกับศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือ มีวินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู โดยขับเคลื่อนผ่านกระบวนการ A-I-C ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม “รัฐ บ ว ร” ได้แก่ รัฐบาล สถาบันครอบครัว องค์กรศาสนา สถานศึกษา และเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความมั่นคงในปัจจุบันและอนาคต
รูปแบบ APA
พระมหาอำคา วรปญฺโญ (สุขแดง). (2565). พุทธบูรณาการกับศาสตร์พระราชาในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันประเทศไทย. วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์, 7(3), 320–333.

พระมหาอำคา วรปญฺโญ (สุขแดง)
หัวข้อ
โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน
เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่
โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2
จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ
โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)
การศึกษาเพื่อสร้างตัวชี้วัดสำหรับการประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการขององค์กรในประเทศไทย พบว่า มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในระดับมาก และยังสามารถปรับปรุงดัชนีชี้วัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้