หลักนิติธรรม (Rule of Law) เป็นปัจจัยที่สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางได้ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการของรัฐ การสร้างความโปร่งใส และเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชน เพื่อป้องกันการทุจริต

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างสมดุล โดยคำนึงถึงความเสถียรภาพของการพัฒนา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทั่วโลกยอมรับว่าก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพลเมือง
ดังนั้น การพัฒนาที่ไม่ได้คำนึงถึงความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประชาชน จึงมักได้รับการกล่าวว่า เป็นแนวทางการดำเนินงานของรัฐที่ไม่ได้คำนึงถึงพลเมืองของตนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่พบเห็นในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างความสมดุลนั้น มีหลักการสำคัญที่เป็นแนวทางการดำเนินงาน คือ หลักธรรมาภิบาล ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีความเป็นไปได้ในเชิงแนวคิดว่ามีส่วนก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมเชิงสถาบันที่เอื้อให้เกิดการพัฒนา โดยเฉพาะการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระดับสากล อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าการที่รัฐมีระดับธรรมาภิบาลที่สูงหรือต่ำนั้น จะทำให้รัฐดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ
- เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของรายได้ของประชาชนในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางของโลก
- เพื่อศึกษาความเกี่ยวข้องของตัวแปรธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางของโลก
- เพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกิดจากการสังเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันของประชาชนในกลุ่มประเทศที่ศึกษา
ผลการศึกษา พบว่า 1) ยิ่งประเทศร่ำรวยมากขึ้นจะยิ่งใช้จ่ายมากขึ้นแต่กลับทำให้ความเหลื่อมล้ำแย่ลง ดังนั้นจึงควรเน้นการใช้จ่ายไปที่กลุ่มประชากรที่เป็นเป้าหมายมากกว่าการใช้จ่ายปริมาณมาก 2) การว่างงานเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเหลื่อมล้ำ ภาครัฐควรมีการดำเนินการเพื่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด 3) หลักนิติธรรม (Rule of Law) เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ช่วยให้ความเหลื่อมล้ำลดลงโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มประชากรที่ยากจนที่สุดร้อยละ 10
โดยงานวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกระจายรายได้ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง คือการมีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระจายรายได้ที่ยั่งยืนในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง โดยการสร้างความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน จะช่วยลดการทุจริตและสร้างความเชื่อมั่นในรัฐบาล รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบาย ช่วยให้รัฐบาลตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำ
นอกจากนี้ การมีระบบการควบคุมและตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพจะทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีการออกแบบนโยบายที่เป็นธรรม เช่น ระบบภาษีและการสนับสนุนบริการสาธารณะ จะช่วยกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม ในขณะเดียวกันการส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาทักษะและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะขยายโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น การสร้างแนวทางในการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย จึงควรพิจารณาแนวทางที่สอดคล้องกับหลักสากลด้วยการพัฒนานโยบายที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจ
สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย
- จากผลการวิจัยทำให้สามารถสร้างแนวทางการลดความเหลื่อมล้ำในภาพรวมและเจาะจงลงไปที่กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำที่สุดร้อยละ 10 ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ยกตัวอย่างเช่น การลดการว่างงานด้วยการพัฒนานโยบายรัฐที่มุ่งเน้นการสร้างงานใหม่ การใช้จ่ายอย่างเจาะจงด้วยการจัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งอาจจะเป็นการสนับสนุนการศึกษา สุขภาพ หรือการพัฒนาทักษะ และการเพิ่มระดับนิติธรรมด้วยการสร้างระบบนิติธรรมที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชนในการดำเนินการของรัฐบาลและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยป้องกันการทุจริตและคอร์รัปชัน
- ข้อเสนอเเนะในการวิจัยครั้งต่อไป ควรเน้นที่การเพิ่มประสิทธิผลและความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการสร้างการเข้าถึงความยุติธรรมที่มากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านความยุติธรรม นอกจากนี้ ควรศึกษาแนวทางการลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำสุด รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายและการใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมในอนาคต
เฉลิมชัย กิตติศักดิ์นาวิน, โกสินทร์ เตชะนิยม, วุฒิชัย อารักษ์โพชฌงค์ และ วรพล พินิจ. (2563). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกระจายรายได้ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและความเกี่ยวข้องของดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาล : การสร้างแนวทางลดความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยตามหลักสากล. สถาบันพระปกเกล้า
- เฉลิมชัย กิตติศักดิ์นาวิน
- โกสินทร์ เตชะนิยม
- วุฒิชัย อารักษ์โพชฌงค์
- วรพล พินิจ
หัวข้อ
โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570
ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต
โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2
จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ
โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป