องค์กรอิสระกับการสร้างประชาธิปไตยที่ตรวจสอบได้: กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

การศึกษาผลการดำเนินงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พบว่า ทั้งสองหน่วยงานยังมีงบประมาณและบุคลากรที่ไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับปริมาณงาน และอำนาจหน้าที่ที่ยังไม่ครอบคลุม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิด

การทุจริตเชิงนโยบายสร้างความเสียหายรุนแรงจากการนำเอานโยบายพรรคและรัฐบาลมาใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ผ่านโครงการเมกะโปรเจค โดยการตรวจสอบปัญหานี้เป็นภารกิจหลักขององค์กรอิสระที่มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ดังนั้น การลดการทุจริตควรมีการศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดและบทบาทขององค์กรอิสระอย่างละเอียด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดการทุจริตในระดับนโยบายอย่างยั่งยืน โดยการประมวลและวิเคราะห์บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญไทย 2560  

จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อประมวลสังเคราะห์แนวคิด การออกแบบเชิงโครงสร้าง และการกำหนดบทบาท หน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 
  2. เพื่อวิเคราะห์เหตุผล ความเหมาะสม และผลกระทบของบทบัญญัติต่าง ๆ เกี่ยวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

ผลการศึกษา พบว่า

  • คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถูกออกแบบให้เป็นองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนเเละวินิจฉัยเมื่อมีรายงานกรณีทุจริตในผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำเเหน่งในองค์กรอิสระ จากการศึกษาข้อมูลการดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2560 พบว่า ภารกิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนงบประมาณและจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ ประกอบกับการขาดการสนับสนุนทางนโยบายและทรัพยากรที่เพียงพอ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โครงสร้างและบทบาทขององค์กรยังถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลต่อความเป็นอิสระ รวมถึงการขาดความร่วมมือจากภาคประชาชนในการชี้เบาะแสหรือสนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านการทุจริต ด้วยเหตุนี้ การจัดการปัญหาเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในประเทศไทย
  • ในขณะที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจในการวางนโยบายการเงิน กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐาน และกำกับการตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินแผ่นดินและสั่งลงโทษทางปกครองกรณีมีการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ เมื่อศึกษาผลการดำเนินงานของ คตง. พบว่า ในปีงบประมาณ 2561 มีหน่วยรับตรวจในความรับผิดชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจำนวน 72,002 หน่วย แต่หากไม่มีการสนับสนุนบุคลากรและทรัพยากรที่เพียงพอ อาจทำให้ภาระงานมากกว่าศักยภาพที่มีอยู่ รวมถึงควรพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นเพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพและลดการทุจริตในระดับนโยบาย 

สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย

  • ผลการศึกษาการดำเนินงานเชิงสถิติของสำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2560 พบว่า การตรวจสอบทรัพย์สินผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมืองและข้าราชการประจำในปี 2560 มีมติและตรวจสอบบัญชีที่ตรวจแล้วเสร็จจำนวน 33,024 บัญชี เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ได้รับปีละ 2,017 ล้านบาทและอัตรากำลังคนจำนวน 3,554 อัตรา ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการในการดำเนินงาน ทำให้ยังคงมีเรื่องที่รับ เรื่องที่คงค้าง และภารกิจอื่นที่มีอีกเป็นจำนวนมาก 
  • ผลการศึกษาการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 พบว่า มีการดำเนินการตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยรับตรวจในการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีมูลค่าความเสียหายเป็นตัวเงิน เพื่อให้มีการชดใช้เงินคืน การจัดเก็บรายได้เพิ่ม และป้องกันความเสียหายจากการดำเนินงานกับภาครัฐ ทำให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสามารถรักษาผลประโยชน์กับภาครัฐเป็นมีมูลค่า 4,349 ล้านบาท 

สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

  • สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินควรจะมีงบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีภารกิจในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นจำนวนมากและต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินยังคงเป็นหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีแม้จะพบความผิดซึ่งหน้า ทำให้ต้องส่งรายงานการกระทำผิดไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กระทำความผิด ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและบางกรณีอาจมีการดำเนินการของหน่วยงานต้นสังกัดที่ไม่สอดคล้องกับการรายงาน
  • สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องมีความเป็นอิสระทางการเมืองและความเป็นอิสระด้านงบประมาณ โดยแนวทางแก้ไขเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านงบประมาณควรเปลี่ยนวิธีการจัดสรรงบประมาณให้เป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาล โดยกำหนดเป็นรายก้อนตามสัดส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น ร้อยละ 0.3 หรือร้อยละ 0.1 เพื่อให้เกิดความแน่นอนและความยั่งยืนในการดำเนินงาน
  • เพื่อแก้ไขปัญหาขวัญกำลังใจในการทำงานของบุคลากรในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ควรมีการปรับปรุงอัตราเงินเดือนและผลตอบแทนให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจที่สำคัญของหน่วยงานเหล่านั้น โดยเสนอให้กำหนดเงินเดือนและค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่สูงขึ้นและช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การเปรียบเทียบเงินเดือนกับบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม เช่น พนักงานสอบสวน อัยการ และกรรมการในคณะกรรมการกฤษฎีกา ควรเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายด้านค่าตอบแทนเพื่อความเป็นธรรมและการดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพ
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

รงค์ บุญสวยขวัญ และวิเชียร ตันศิริคงคล. (2562). องค์กรอิสระกับการสร้างประชาธิปไตยที่ตรวจสอบได้: กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน. สถาบันพระปกเกล้า.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2562
ผู้แต่ง
  • รงค์ บุญสวยขวัญ 
  • วิเชียร ตันศิริคงคล 
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตจากนโยบายและโครงการของรัฐ

งานวิจัยนี้ จะพาไปทำความเข้าใจรูปแบบ คุณลักษณะ และวิธีการดำเนินนโยบาย มาตรการ หรือโครงการของรัฐเพื่อหาวิธีการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ