เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
การฟอกเงินถือเป็นความผิดทางอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมร้ายแรง และเงินดังกล่าวยังถูกนำไปใช้เพื่อขยายเครือข่ายการประกอบอาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้น จึงต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางในการป้องกันหรือตรวจสอบมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินได้ และเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อ กำหนดแนวทางและมาตรการในการจัดการความเสี่ยงด้านการฟอกเงินได้อย่างเหมาะสม
จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ
- เพื่อศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์แนวโน้ม ความเสี่ยงในการถูกใช้ฟอกเงิน รูปแบบและ วิธีการในการฟอกเงินที่มีอยู่อย่างแพร่หลายในประเทศไทย
- เพื่อสร้างความตระหนักของปัญหาการฟอกเงินในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วม ในการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดเวทีระดมสมอง ในการออกแบบแนวทางในการป้องปรามที่เหมาะสม และการสัมภาษณ์ในเชิงลึกกับกลุ่ม ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ
- เพื่อศึกษาแนวทางในการป้องกันและปราบปรามรูปแบบการฟอกเงินในต่างประเทศที่มีความเหมาะสม รวมถึงศึกษาข้อมูลที่เผยแพร่โดย FATF เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามบริบทของประเทศไทย
ผลการศึกษา พบว่า เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการป้องกันและการปราบปราบการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพ คือ การเข้าถึงข้อมูลเพื่อสามารถระบุตัวตนของผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง การเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นระบบที่จะสามารถทำให้การประเมินความเสี่ยงของนิติบุคคลแต่ละประเภทเกิดประสิทธิผล การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในติดตามและสอดส่องการดำเนินงานของนิติบุคคล นอกจากนี้ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องจะต้องเอื้อต่ออำนาจหน้าที่ให้ทุกหน่วยงานสามารถสนับสนุน การทำงานเพื่อการป้องกันและปราบปราบได้อย่างเหมาะสม
สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย
- การจัดตั้งนิติบุคคลที่ถูกกฎหมายเพื่อใช้บังหน้าในการฟอกเงิน มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการเปลี่ยนเส้นทางของเงินสกปรก (black money) จากแหล่งอื่นเข้ามาในองค์กร และถอนออกเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อปิดบัง ที่มาของเงินผิดกฎหมาย ดังนั้นหน่วยงานกำกับดูแลจึงต้องมีหน้าที่ในการสอดส่องดูแลนิติบุคคลเหล่านั้น มิให้เป็นช่องทางของการฟอกเงิน
- ประเทศไทยยังขาดการประเมินความเสี่ยงด้านฟอกเงินของอาชญากรรมแต่ละประเภท รวมทั้งขาดการวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาแนวโน้ม สถานการณ์และวิธีการฟอกเงินใหม่ ๆ ส่งผลให้การป้องกันและการปราบปรามในประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดนโยบายและมาตรการใน “เชิงป้องกัน” เกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน
สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย
- การบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีประสิทธิภาพมากพอ มิใช่เป็นเพียงการแก้ไขกฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเท่านั้น แต่ต้องสามารถนำไปบังคับใช้เพื่อแก้ปัญหาการฟอกเงินได้จริง โดยจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมาย
- สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องขอความร่วมมือสถาบันการเงินทุกแห่งในการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดกับกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลเพื่อป้องกันมิให้มีการเปิดบัญชีผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะการรับเงินจากการกระทำความผิดฉ้อโกงประชาชน นอกจากนี้ควรกำกับให้สถาบันการเงินทุกแห่งตรวจสอบรายงานธุรกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยเพื่อส่งต่อให้สำนักงาน ปปง. ตรวจสอบต่อไป
นิพนธ์ พัวพงศกร กิรติพงศ์ แนวมาลี, เทียนสว่าง ธรรมวณิช, ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ, ธิปไตร แสละวงศ์, ชณิสรา ดำคำ, อุไรรัตน์ จันทรศิริ, ภูมิจิต ศรีอุดมขจร และกะรัตลักษณ์ เหลี่ยมเพชร. (2564). แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ).
- ดร. นิพนธ์ พัวพงศกร
- ดร. กิรติพงศ์ แนวมาลี
- นางสาวเทียนสว่าง ธรรมวณิช
- นางสาวธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ
- นายธิปไตร แสละวงศ์
- นางสาวชณิสรา ดำคำ
- นางสาวอุไรรัตน์ จันทรศิริ
- นางสาวภูมิจิต ศรีอุดมขจร
- นางสาวกะรัตลักษณ์ เหลี่ยมเพชร
หัวข้อ
โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ
ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ
แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร
เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
แนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริต : ศึกษากรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด
วิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงต่อการทุจริตของกระบวนการควบคุมน้ำหนักของหน่วยงานรัฐ เเละเสนอมาตรการควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม