โครงการความเหมาะสมในการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้กําหนดความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่เป็นกรณีทั่วไปในกรณีที่เจ้าพนักงานฝ่าฝืนหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ทว่าบทบัญญัตินี้กลับตีความกว้างไปจนเกิดเป็นปัญหาต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

การใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นกฎหมายกําหนดความผิดในลักษณะบททั่วไปและมีการนํามาใช้ควบคุมตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือโดยมิชอบกันอย่างกว้างขวางนั้น ได้ก่อให้เกิดปัญหาความไม่ชัดเจนในการจัดระบบควบคุม ตรวจสอบกลไกการใช้อํานาจรัฐที่มีอยู่อย่างหลากหลาย และมีผลกระทบโดยตรงต่อการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับมอบหมายให้ป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการใช้บทบัญญัตินี้ 

จากสาเหตุดังกล่าว จึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อศึกษาความเหมาะสมของบทบัญญัติมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. ว่ามีผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดําเนินงานของหน่วยงาน หรือไม่ เพียงใด  
  2. เพื่อศึกษากฎหมายเปรียบเทียบเกี่ยวกับบทบัญญัติในเร่ืองเดียวกันของกฎหมายต่างประเทศ และเพื่อวิเคราะห์แนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายไทยที่ใช้อยู่ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช.  
  3. เพื่อจัดทําข้อเสนอแนะที่ชัดเจนและเป็นไปได้เกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางในการปรับปรุงบทบัญญัตินี้รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ผลการศึกษา พบว่า การปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวกับความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อาจแยกพิจารณาในสองประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรกใน ภาพรวมเกี่ยวกับการควบคุมการใช้อํานาจรัฐ และประเด็นที่สองเฉพาะในส้วนที่เกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.   

สรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัย

 

  • ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ถูกขยายความออกไปอย่างกว้างขวางเกินไปกว่าเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยแนวทางปัจจุบันกลับไปตีความว่าการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นทุกกรณีเจ้าพนักงานจะมีความผิดตามมาตรา 157 แม้ว่าบางกรณีเจ้าพนักงานไม่มีเจตนาทุจริต หรือคิดร้ายต่อผู้ใด แต่เจ้าพนักงานได้กระทําไปเพราะความไม่เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว ความไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือไม่ทราบข้อกฎหมายที่ชัดเจน หรือกระทําไปโดยพลั้งเผลอไม่ระมัดระวัง หรือละเว้นไม่กระทําการเพราะความเกียจคร้าน สิ่งเหล่านี้อาจถูกปรับบทให้เป็นความผิดตามมาตรา 157 ได้ ซึ่งก่อเกิดผลเสียอย่างมากมายในการบริหารราชการแผ่นดิน 
  • จากการศึกษาพบว่า มาตรา 157 นอกจากจะเป็นบทบัญญัติที่ทําให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอํานาจก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกกล่าวหาไปตามกรอบของกฎหมายที่ยังไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนแล้ว การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องทําการไต่สวนข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาที่สมควรอยู่ในอํานาจหน้าที่ขององค์กรตรวจสอบอื่น ยังส่งผลทําให้เกิดการปัญหาการใช้อํานาจควบคุมตรวจสอบที่ไม่เป็นระบบ และเกิดความซ้ำซ้อนซึ่งย่อมกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย 

สรุปข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

  1. สำหรับแนวทางการปรับปรุงแก้ไขในระยะยาวนั้น เนื่องจากลักษณะของมาตรา 157 ที่เป็นบททั่วไป เป็นปัญหาที่ไม่สอดคล้องกับ “หลักไม่มีความผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย” เห็นควรที่จะต้องมีการปฏิรูปกฎหมายอาญาในส่วนความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ โดยสมควรให้ยกเลิกมาตรา 157 และวางบทบัญญัติให้การปฏิบัติหน้าที่ที่สมควรเป็นความผิดทางอาญาไว้เป็นการเฉพาะเรื่องในแต่ละมาตรา  
  2. แนวทางปรับปรุงแก้ไขในระยะเริ่มแรกเห็นควรว่าลักษณะบททั่วไปตามความในมาตรา 157 เป็นสิ่งที่มีมานานในระบบกฎหมายไทย และอาจใช้ควบคุมการกระทําของเจ้าพนักงานในบริบทของระบบราชการไทยได้คล่องตัวในระดับหนึ่ง ผู้วิจัย จึงเห็นควรปรับปรุงแก้ไขมาตรา 157 ให้สอดคล้องกับ หลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยพิจารณาจากขอบเขตของตัวบุคคลและขอบเขตของการกระทํา ซึ่งมีทั้งในส่วนขององค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน 
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

อุดม รัฐอมฤต, วีรวัฒน์ จันทโชติ, ปกป้อง ศรีสนิท, นายวีระศักดิ์ แสงสารพันธ์, ชาลินี ถนัดงาน, และนัทธี ฤทธิ์ดี. . (2555). โครงการความเหมาะสมในการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157. สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2555
ผู้แต่ง
  • รองศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต  
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีรวัฒน์ จันทโชติ  
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปกป้อง ศรีสนิท  
  • นายวีระศักดิ์ แสงสารพันธ์  
  • นางสาวชาลินี ถนัดงาน นายนัทธี ฤทธิ์ดี 
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เพื่อศึกษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 244 มาตรา 245 ประกอบมาตรา 221 เกี่ยวกับการวางระบบการร่วมมือกันทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดมาตรการ และวิธีการทำงานร่วมมือกันของ
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ