คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : คอร์รัปชัน : ปัจจัยสำคัญโค่นระบอบอำนาจเก่าใน 3 ชาติเอเชียใต้

ในรอบสามปีที่ผ่านมา เอเชียใต้ได้เผชิญการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ที่แทบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ตั้งแต่ศรีลังกาในปี 2022 บังกลาเทศในปี 2024 มาจนถึงเนปาลในปี 2025 สามประเทศที่มีบริบททางศาสนา ชาติพันธุ์ และประวัติศาสตร์ต่างกันอย่างสุดขั้ว กลับมี “จุดร่วมทางการเมือง” ที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาด นั่นคือ การดำรงอยู่ของระบบอำนาจเก่าที่ผูกขาดประเทศมายาวนาน จนทำให้ความไม่พอใจในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ก่อตัวเป็นภูเขาไฟที่พร้อมปะทุ เพียงรอแรงกระตุ้นสุดท้าย และแทบทุกกรณี แรงกระตุ้นนั้นคือ “คอร์รัปชัน” ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจทนต่อไปได้อีก

หากมองลึกลงไป คอร์รัปชันในทั้งสามประเทศไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม แต่คือฐานคิดและโครงสร้างอำนาจที่ฝังรากอยู่ในระบบการเมืองแบบตระกูลการเมือง โดยเฉพาะในเนปาลซึ่งการเมืองถูกผูกขาดโดยสามพรรคใหญ่ตลอด 17 ปีหลังเป็นสาธารณรัฐ ทั้ง 3 พรรคการเมืองได้ผลัดเปลี่ยนกันเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 13 คน แต่ทั้งหมดล้วนมาจากกลุ่มเดิมๆ และยังคงรักษาวัฒนธรรมอุปถัมภ์ ผลประโยชน์ทับซ้อน และการใช้อำนาจในทางมิชอบอย่างต่อเนื่อง เมื่อผนวกกับเศรษฐกิจที่ไม่สามารถสร้างงานคุณภาพ ทำให้ชาวเนปาลจำนวนมหาศาลต้องออกไปทำงานต่างประเทศเพื่อส่งเงินกลับบ้าน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนธรรมดาที่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดกับลูกหลานของชนชั้นนำที่ใช้ชีวิตหรูหราตามที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย จึงกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีของความโกรธที่กำลังก่อตัวขึ้นในประเทศ

ในศรีลังกา ความโกรธสะสมดังกล่าวปะทุในรูปแบบวิกฤตปากท้อง ขาดแคลนพลังงาน อาหาร และยารักษาโรค ซึ่งสะท้อนการบริหารประเทศอย่างผิดพลาดและคอร์รัปชันระดับโครงสร้างของตระกูลราชปักษา เมื่อผู้คนเริ่มรู้สึกว่าระบบไม่อาจมอบปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตได้อีกต่อไป จึงไม่แปลกที่ผู้ประท้วงจะบุกทำเนียบประธานาธิบดีและบีบให้ผู้นำต้องลี้ภัย ต่างจากบังกลาเทศ ซึ่งความไม่พอใจปะทุจากความรู้สึกว่าการเมืองปิดตาย และชนชั้นนำปกป้องผลประโยชน์กันเอง ขณะที่ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นจนประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าตนเองไม่มีที่ยืนในระบบพลังของคนรุ่นใหม่จึงขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้านสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นโครงสร้างอำนาจที่ไม่เป็นธรรม

เนปาลคือกรณีที่แสดงให้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่ได้เด่นชัดที่สุด การลุกฮือเริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มโดยรัฐบาล ซึ่งเทียบได้กับการตัดช่องทางสื่อสาร การเรียน และการทำงานของคนรุ่นดิจิทัล แต่นี่เป็นเพียงชนวน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือการบริหารประเทศที่ไร้เสถียรภาพ คอร์รัปชันในทุกระดับ และภาพชีวิตหรูหราของ “nepo kids” ลูกหลานนักการเมืองในโลกออนไลน์ที่ตรงข้ามกับชีวิตจริงของเยาวชนเนปาล การเสียชีวิตของนักเรียนมัธยมจากการใช้กำลังของรัฐในวันแรกของการประท้วงคือจุดแตกหักที่ทำให้มวลชนขยายจาก Gen Z ไปสู่ทุกเจเนอเรชั่น การเผารัฐสภา ศาลสูงสุด และทำเนียบประธานาธิบดีจึงไม่ใช่การมุ่งทำร้ายบุคคล แต่เป็นการทำลาย “สัญลักษณ์ของระบบที่พวกเขาไม่เชื่อถืออีกต่อไป”

ปัจจัยร่วมกันของสามประเทศ คือ “ความชอบธรรมของชนชั้นนำได้หมดลงแล้ว” และผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ไม่ยอมทนกับการคอร์รัปชันอีกต่อไป พวกเขาพบว่าการเลือกตั้ง ระบบราชการ และกลไกตรวจสอบไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพียงการประท้วง แต่คือการตัดสินใจ “โค่นระบอบเก่า”และเรียกร้องระบบใหม่ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มีอนาคตที่จับต้องได้มากกว่านี้

สุดท้าย บทเรียนจากสามประเทศนี้ส่งสัญญาณเตือนมาถึงไทยว่า หากการเมืองยังคงติดหล่มความไม่โปร่งใส ระบบอุปถัมภ์ และการใช้อำนาจเพื่อพวกพ้อง การพังทลายของ “ระบอบเก่า” อาจไม่ได้เกิดจากศัตรูภายนอก แต่อาจเกิดจากคนรุ่นใหม่ในประเทศเอง ที่เริ่มตั้งคำถามว่าพวกเขากำลังถูกขโมยอนาคตไปหรือไม่และระบอบการเมืองที่มีอยู่จะสร้างชีวิตที่ดีให้พวกเขาได้มากน้อยแค่ไหน การเร่งสร้างระบอบการเมืองไร้คอร์รัปชันจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนของไทยเพื่อป้องกันไม่ให้เราถลำลึกไปถึงขั้น 3 ชาติเอเชียใต้

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : โอกาสและความสำคัญของการกลับคืนเป็นภาคี TI Thailand

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาคของ Transparency International (TI) การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้มีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันไทยจะไม่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการ …

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เมื่อ ‘งบก่อสร้าง’ ไม่ได้สร้างแค่ถนน แต่สร้างรายได้พิเศษให้บางคนด้วย

จากที่ผมได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในนามนักวิชาการอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ผมถือว่าหน้าที่นี้คือโอกาสสำคัญที่จะได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และทรัพยากรของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อัปเดตประชุมวิชาการโลกเรื่องคอร์รัปชัน

เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค Co-Founder บริษัท HAND Social Enterprise ได้รับเชิญไปบรรยายในงานประชุมทางวิชาการ Cambridge Economic Crime ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 40 แล้ว ซึ่งงานนี้ถือได้ว่าเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคอร์รัปชันที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง โดยผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ได้เข้าร่วมบรรยายเกี่ยวกับผลงานวิจัยเรื่องประสิทธิภาพที่แท้จริงของความโปร่งใสในการต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านการศึกษาผลกระทบจากโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency: CoST)

You might also like...

KRAC Insights I บทเรียนจากอาเซียนว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในยุคดิจิทัล

สรุปบทเรียนจากอาเซียนเกี่ยวกับความโปร่งใสในระบบจัดซื้อจัดจ้างรัฐยุคดิจิทัล พร้อมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญไทย–ฟิลิปปินส์–อินโดนีเซีย–มาเลเซีย ที่ชี้ว่าความโปร่งใสคือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างได้ผล

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : หยุดโกงใน 100 วัน (ตอนที่ 2) ถ้ามี ‘คู่มือรัฐบาลที่อยากโปร่งใสจริง’ มันจะดีไหม?

คนดีจำเป็นหรือไม่ ถ้าเรามีระบบที่ดี ? ชวนอ่าน “หยุดโกงใน 100 วัน (ตอนที่ 2) ถ้ามี “คู่มือรัฐบาลที่อยากโปร่งใสจริง” มันจะดีไหม ?”

KRAC Insights I หนทางสู่สังคมไทยไร้คอร์รัปชัน: ออกแบบระบบให้โกงยาก โปร่งใส และทำดีได้ง่าย

หนทางสู่สังคมไทยไร้คอร์รัปชัน คือเปลี่ยนจาก “ไล่จับคนผิด” มาออกแบบระบบที่โกงยากตั้งแต่ต้น (Integrity by Design) และยืนบนหลักนิติธรรมที่ไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับการเปิดข้อมูลภาครัฐให้เชื่อมโยง ใช้งานง่าย และตรวจสอบย้อนหลังได้