คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : เลือกตั้งเทศบาล 68 : ประชาชนร่วมสร้างความโปร่งใสในการเลือกตั้งได้อย่างไรบ้าง

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีทั่วประเทศที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของกระบวนการประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น ที่ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่เป็นการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่ และเลือกผู้นำที่มีคุณภาพ มีจริยธรรม สามารถพัฒนาท้องถิ่นอย่างโปร่งใส หลังจากกระบวนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง บทความฉบับนี้จึงขอถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อชี้ให้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างความโปร่งใสการเลือกตั้งท้องถิ่น ปัญหาคอร์รัปชันที่มักเกิดขึ้นในระดับเทศบาล รวมถึงแนวทางที่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใสในท้องถิ่นของตนเอง

การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นกลไกประชาธิปไตยที่สำคัญและใกล้ตัวประชาชนมากที่สุด เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพชีวิตในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข หรือการจัดการสิ่งแวดล้อม การเลือกผู้นำท้องถิ่นจึงไม่ใช่เพียงการลงคะแนนเสียงแต่เป็นการกำหนดทิศทางการพัฒนาชุมชนของตนเอง การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการเลือกตั้ง การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการทำงานของผู้นำหลังจากได้รับเลือกตั้งแล้วล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาล และสร้างความโปร่งใสในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นได้

ปัญหาคอร์รัปชันในระดับท้องถิ่น แม้การเลือกตั้งจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ในหลายพื้นที่กลับประสบปัญหาคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกปัญหาเหล่านี้สามารถพบได้ในหลายรูปแบบ เช่น การซื้อเสียงในช่วงเลือกตั้งท้องถิ่น การใช้อำนาจหรืออิทธิพลครอบงำผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียงอย่างไม่เหมาะสม เป็นต้น โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดคอร์รัปชันในระดับท้องถิ่น เช่น ขาดการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ในการตรวจสอบการทำงานของผู้นำท้องถิ่น วัฒนธรรมอุปถัมภ์ความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเกรงใจหรือ “ติดหนี้บุญคุณ” และประชาชนยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิทางการเมือง เป็นต้น

“ประชาชนจะมีบทบาทในการสร้างความโปร่งใสได้อย่างไร?” ประชาชนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความโปร่งใสโดยสามารถมีส่วนร่วมได้ในหลายรูปแบบ ประการแรก การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยศึกษาประวัติ ผลงานที่ผ่านมา และนโยบายของผู้สมัครอย่างรอบคอบ นโยบายการต่อต้านคอร์รัปชันของผู้สมัครมีความสำคัญอย่างมากที่จะใช้ในการพิจารณาว่าผู้สมัครจะมีแนวทางจะแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันอย่างไร หรือผู้สมัครจะมีนโยบายที่ส่งเสริมความโปร่งใสอย่างไร ในปัจจุบันสามารถตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งเบื้องต้นได้ทางแอปพลิเคชันฉลาดเลือก (Smart Vote) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจัดทำขึ้น

ประการที่สอง ปฏิเสธการซื้อเสียงและรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีช่องทางแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้งหลายช่องทาง เช่น แอปพลิเคชันตาสับปะรดที่สามารถแจ้งเบาะแสได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือคลิปวีดีโอ โทรศัพท์ศูนย์รับแจ้งเบาะแสทุจริตการเลือกตั้งหมายเลข 02-141-8860 สายด่วน กกต.1444 และการเดินทางเข้าแจ้งเรื่องโดยตรงที่ กกต. ประจำจังหวัด เป็นต้น

ประการสุดท้าย การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้นำท้องถิ่นหลังได้รับเลือกตั้งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหารท้องถิ่น ประชาชนสามารถมีบทบาทในการติดตามและตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ของตนเอง เช่น โครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมถนน โครงการขุดลอกคลอง และการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยสามารถตรวจสอบคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าของโครงการเหล่านี้ได้ผ่านเครื่องมือ ACT Ai ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในพื้นที่ใกล้บ้านของทุกท่านได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยระบบจะแสดงข้อมูลว่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น โครงการที่กำลังก่อสร้างถนนหน้าบ้านของท่านเป็นของหน่วยงานใด ใครเป็นผู้รับผิดชอบ การดำเนินการตามรายละเอียดที่โครงการกำหนดหรือไม่ ตลอดจนการตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างผู้รับเหมาที่ได้รับงานกับผู้นำในท้องถิ่น เพื่อพิจารณาว่าโครงการดังกล่าวมีลักษณะของการเอื้อประโยชน์หรือไม่

นอกจากนั้นหากประชาชนพบเห็นความผิดปกติหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าว เช่น การสร้างไม่ได้มาตรฐาน โครงการล่าช้าจนหมดสัญญา หรือโครงการถูกทิ้งร้าง สามารถแจ้งเบาะแสให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าตรวจสอบ เช่น สำนักงาน ป.ป.ช. ในพื้นที่ศูนย์ดำรงธรรม กรณีที่ประชาชนไม่มั่นใจการแจ้งเรื่องผ่านช่องทางของหน่วยงานรัฐอาจจะมีความกังวลเรื่องการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แจ้งเรื่อง ผู้เขียนขอแนะนำช่องทางที่ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสโดยแนบหลักฐานและข้อมูลต่างๆ ผ่านทางเครื่องมือ Corruption Watch ฟ้องโกงด้วยแชตบอตและเฟซบุ๊กเพจต้องแฉ (Must Share) ที่เป็นเครื่องมือรับแจ้งเบาะแสทุจริตคอร์รัปชันสําหรับประชาชน ซึ่งจะไม่ต้องเปิดเผยตัวตนผู้แจ้งเบาะแส และมีทีมงานประสานงานส่งเบาะแสของผู้แจ้งไปที่หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ รวมถึงมีการติดตามความคืบหน้าให้กับผู้แจ้งได้ทราบข้อมูล

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของชุมชนตนเอง ความโปร่งใสในการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนลุกขึ้นมามีบทบาท ตั้งแต่การตรวจสอบผู้รับสมัครเลือกตั้ง การปฏิเสธและรายงานเมื่อพบเห็นการซื้อเสียง ไปจนถึงการติดตามตรวจสอบการทำงานของผู้นำหลังการเลือกตั้งผ่านเครื่องมือและช่องทางต่างๆ ที่เปิดให้เข้าถึง การมีส่วนร่วมเหล่านี้คือหัวใจของการสร้างการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส ยั่งยืนเป็นธรรม และตอบสนองต่อประชาชนอย่างแท้จริง

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

พัชรี ตรีพรม

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : โอกาสและความสำคัญของการกลับคืนเป็นภาคี TI Thailand

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาคของ Transparency International (TI) การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้มีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันไทยจะไม่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการ …

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เมื่อ ‘งบก่อสร้าง’ ไม่ได้สร้างแค่ถนน แต่สร้างรายได้พิเศษให้บางคนด้วย

จากที่ผมได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในนามนักวิชาการอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ผมถือว่าหน้าที่นี้คือโอกาสสำคัญที่จะได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และทรัพยากรของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อัปเดตประชุมวิชาการโลกเรื่องคอร์รัปชัน

เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค Co-Founder บริษัท HAND Social Enterprise ได้รับเชิญไปบรรยายในงานประชุมทางวิชาการ Cambridge Economic Crime ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 40 แล้ว ซึ่งงานนี้ถือได้ว่าเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคอร์รัปชันที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง โดยผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ได้เข้าร่วมบรรยายเกี่ยวกับผลงานวิจัยเรื่องประสิทธิภาพที่แท้จริงของความโปร่งใสในการต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านการศึกษาผลกระทบจากโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency: CoST)

You might also like...

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เมื่อ ‘งบก่อสร้าง’ ไม่ได้สร้างแค่ถนน แต่สร้างรายได้พิเศษให้บางคนด้วย

จากที่ผมได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในนามนักวิชาการอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ผมถือว่าหน้าที่นี้คือโอกาสสำคัญที่จะได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และทรัพยากรของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | การต่อต้านการทุจริต อาจต้องเริ่มที่ความเข้าใจของประชาชน

ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิทธิการรับรู้ข่าวสารของสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 1,041 คน ในปี 2562 ชี้คนไทยครึ่งประเทศไม่รู้ว่า ตัวเองมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสำนักงาน ป.ป.ช.

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ทำไมบริษัทก่อสร้างไทย อาจเป็นได้แค่ผู้รับจ้างของบริษัทจีน ?

ชวนคาดการณ์การเข้ามาของจีนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ภายใต้กฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2560 โดยงานวิจัยนี้พบว่า อีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทจากจีนอาจสร้างความปั่นป่วนให้อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยไม่น้อยทีเดียว