ลงมือสู้โกง : ต้านคอร์รัปชัน สร้าง “Pride”

“…Come on, vogue (vogue) Let your body move to the music…” เนื้อเพลง vogue ที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องถนน ธงสีรุ้งที่โบกสะบัด ผู้คนที่รวมตัวกันอย่างเริงร่าและแจ่มใสร่วมเดินขบวนเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหรือชาว LGBTQI+ (gay, lesbian, bisexual, transgender,queer, intersex และเพศอื่นๆ) หากไม่มีสถานการณ์โควิด ภาพบรรยากาศการเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ Pride Month ในเดือนมิถุนายนคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

นอกจาก Pride Month จะจัดขึ้นเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับศักดิ์ศรีชาว LGBTQI+ และสร้างแรงผลักดันให้สังคมยอมรับความหลากหลายทางเพศแล้ว ยังเป็นการรำลึกถึงประวัติศาสตร์ Stonewall Riot การต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอีกด้วย ผู้อ่านหลายท่านคงมองว่าตอนนี้สังคมไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศต่างได้รับการยอมรับและมีความเท่าเทียมในสังคมอย่างกว้างขวาง แต่ในความเป็นจริงผู้อ่านรู้ไหมว่า “การคอร์รัปชัน” คือหนึ่งในตัวร้ายที่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติและความไม่เท่าเทียมในสังคม

เนื่องด้วยโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมในหลายประเทศไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และบางประเทศ เพศสภาวะ LGBTQI+ หรือคู่รักเป็นเพศเดียวกัน (homosexuality) อยู่ในสถานะที่ผิดกฎหมาย มีความรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต เช่น ประเทศซูดาน อิหร่าน และอินโดนีเซีย เป็นต้น การที่เพศภาวะและรสนิยมทางเพศถูกทำให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้กลุ่ม LGBTQI+ มีความเปราะบางและสามารถเป็นเหยื่อของการคอร์รัปชันได้ ซึ่งมักเกี่ยวโยงกับผู้ที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้อำนาจของตนเองในการขูดรีดสินบน ในบริบทดังกล่าวผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมักมีความจำเป็นที่ต้องหลบซ่อนอัตลักษณ์และตัวตน หรืออาจจะต้องยอมจ่ายสินบนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองต้องถูกดำเนินคดี

โดยจากบทความของ Transparency International (TI) ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แอปพลิเคชันหาคู่สำหรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศและผู้ที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน (dating application) เป็นเครื่องมือในการล่อลวงผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมาจับกุมซึ่งมักจะลงเอยด้วยการเรียกเก็บสินบน เช่น กรณีของชายหนุ่มชาวรัสเซียชื่อนาย Fedor ที่ได้นัดหมายชายหนุ่มอีกคนเพื่อไปออกเดทกัน แต่เมื่อนาย Fedor ไปหาคู่เดทของเขา กลับพบเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนรอเข้าอยู่และกล่าวหาว่าคู่เดทของเขาเป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และได้จับนาย Fedor ซึ่งตำรวจได้ยื่นข้อเสนอให้จ่ายสินบนไม่อย่างนั้นจะโดนดำเนินคดี โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์นาย Fedor พยายามที่จะร้องเรียนเหตุการณ์การคอร์รัปชันดังกล่าว แต่ถูกปฏิเสธและไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างใด

นอกจากนี้ในประเทศซึ่งความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือสังคมที่ไม่ยอมรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศนำไปสู่การกดขี่และถูกแสวงหาผลประโยชน์ในที่ทำงาน ซึ่งทำให้ความไม่เท่าเทียมขยายตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งรายงานที่จัดทำโดยกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศเยอรมนี ชี้ว่ากลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในหลายประเทศจำเป็นที่จะต้องปิดบังเพศสภาวะของตนเองเพื่อป้องกันการโดนเลือกปฏิบัติและการโดนกดขี่จากนายจ้าง เช่น นายจ้างเลือกที่จะจ้างพนักงาน LGBTQI+ในค่าแรงที่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด โดยแลกเปลี่ยนกับการไม่แจ้งตำรวจหรือการเปิดเผยอัตลักษณ์ให้สังคมรับรู้ การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะยิ่งทำให้ช่องว่างของความเท่าเทียมนั้นยิ่งกว้างมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันการแสวงหาความช่วยเหลือจากกระบวนการยุติธรรมหรือหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปได้ยากเพราะโครงสร้างที่เป็นภัยต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งหลายครั้งผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการและกลัวว่ากระบวนการดังกล่าวจะนำไปสู่การเปิดเผยตัวตน และทำให้เกิดอันตรายตามมาผู้เขียนมองว่าโครงสร้างในประเทศที่กดทับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งในด้านสังคมและวัฒนธรรมนอกจากนี้กฎหมายที่เอื้อให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์และการคอร์รัปชันจากเจ้าหน้าที่ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะนำไปสู่การบรรลุสิทธิที่เท่าเทียมระหว่างเพศได้

คงไปปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขเรื่องของการคอร์รัปชันและความเท่าเทียมไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือปัญหาการคอร์รัปชันนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมและความไม่เท่าเทียมก็นำไปสู่การคอร์รัปชัน ดังนั้นการบรรลุการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองประเด็นนี้ โดยผู้เขียนมองว่าการที่จะสร้างสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังภาครัฐจะต้องเป็นกำลังที่สำคัญในการขจัดปัญหาการคอร์รัปชัน ในทางเดียวกันก็ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้างที่เป็นปัญหาต่อความเท่าเทียมในสังคม

ผู้เขียนขอยกส่วนหนึ่งของหลักการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศอย่างมีธรรมาภิบาล 2 ด้านที่สามารถดำเนินไปพร้อมกันได้ ในด้านแรกเริ่มจากการสร้างระบบและกฎหมายในสังคมให้สามารถปกป้องทุกคนทุกเพศจากการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการมีส่วนร่วม (participation) และมีการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มผู้ที่ความหลากหลายทางเพศ อย่างเช่น พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะนำไปสู่ความเท่าเทียมในสังคม ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีความเอาจริงเอาจัง มีช่องทางในการตรวจสอบและร้องเรียนที่ปลอดภัย (whistleblowing system) การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติและลดช่องโหว่ให้กับเจ้าหน้าที่ในการแสวงหาเงินสินบน (accountability and equity) และในด้านที่สองเป็นการปลูกฝังคุณค่าของความเท่าเทียม การเคารพซึ่งความแตกต่าง หลักการมีส่วนร่วม การต่อต้านการคอร์รัปชันและการเป็นพลเมืองที่ดี เช่น โครงการ Active Youth โดย HAND Social Enterprise ที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของครู นักเรียนผ่านการปลูกฝังคุณค่าของความเท่าเทียม การเคารพซึ่งความแตกต่าง อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องความเชื่อและบรรทัดฐานในสังคมที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและการต้านโกงต่อไป

สุดท้ายนี้ ปัญหาเรื่องความเท่าเทียมและการคอร์รัปชันเป็นเรื่องปัญหาโลกแตกว่าจะแก้ไขอะไรก่อนดีผู้เขียนมองว่าต้องทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ทุกเดือนต่อจากนี้เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจและเดือน Pride ของทุกคน

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2564
ผู้แต่ง

เจริญ สู้ทุกทิศ

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เวทีต้านโกงระดับโลก เขาพูดคุยอะไรกัน

4 ประเด็นน่าสนใจจาก “Summit for Democracy 2023” การประชุมระดับโลกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา HAND Social Enterprise HANDSocialEnterprise ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ไปร่วมเสวนาในงาน Summit for Democracy 2023 หัวข้อหลักงานปีนี้คือ “การต่อต้านคอร์รัปชัน” เชื่อมโยงคำอธิบายว่า การคอร์รัปชันบ่อนทำลายประชาธิปไตย ในทางกลับกันประเทศที่ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็งจะทำให้คอร์รัปชันสูงขึ้น

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เรามีคนโกงเพิ่มขึ้น หรือ เราจับคนโกงได้มากขึ้น

แจ้งไม่เยอะแน่นะวิ ! ปี 65 พบการแจ้งเรื่องทุจริตเกือบ 10,000 เรื่องในไทย เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทั้งๆ ที่มีหน่วยงานปราบโกงที่มีอำนาจทางกฎหมายล้นเหลืออยู่หลายหน่วยงาน ทำไมระดับการคอร์รัปชันของไทยยังดูจะแย่ลงเรื่อยๆ

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เปิดตัว KRAC ศูนย์ความรู้ต้านโกง

คอร์รัปชันเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนอย่างมาก ถ้าไม่แก้ไขทุกมิติอย่างครอบคลุมผลที่ตามมาอาจกลายเป็นเพิ่มปัญหาให้สังคมได้ จึงต้องใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพ หนึ่งในนั้นคือการใช้ความรู้ทางวิชาการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติจึงได้ร่วมมือกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ จัดตั้ง “ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค” (Knowledge hub for Regional Anti-corruption and good governance Collaboration: KRAC) ขึ้น เมื่อ 24 เมษายนที่ผ่านมา

You might also like...

KRAC Hot News I ปลดล็อกรังนกจากถ้ำสู่บ้านอย่างไร ให้โปร่งใสไร้ทุจริต

การส่งออกรังนกไทยมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจรังนกจึงสร้างรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แต่หากขาดการกำกับดูแลให้โปร่งใส อาจจะก่อให้เกิดผลเสียมหาศาลกับธุรกิจไทยได้

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “ธรรมาภิบาล” หลักการที่ยืดหยุ่น พร้อมสร้างประสิทธิภาพ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมหลักธรรมาภิบาลของแต่ละองค์กรถึงดูไม่เหมือนกัน บางองค์กรมี 6 หลัก บางองค์กรมี 8 หลัก ความจริงแล้วหลากหลายองค์กรทั่วโลกล้วนมีการวางแนวคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาลที่ต่างกัน โดยงานวิจัยเรื่อง “โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูล องค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (ระยะที่ 2)” (2563) ได้ศึกษาเรื่องนี้เอาไว้

โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)

การศึกษาเพื่อสร้างตัวชี้วัดสำหรับการประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการขององค์กรในประเทศไทย พบว่า มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในระดับมาก และยังสามารถปรับปรุงดัชนีชี้วัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้