บทความวิจัย | การค้นหา ควบคุม และป้องกันการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่

การศึกษาเพื่อการค้นหา ควบคุม และป้องกันการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ พบว่า ผู้บริหารที่จัดให้มีสภาพแวดล้อมการควบคุมภายในที่ดีและมีการแจ้งเบาะแสการทุจริตที่ไม่ระบุผู้แจ้ง จะทําให้ค้นหาการทุจริตได้รวดเร็ว

 

จากข้อมูลของสมาคมต่อต้านการทุจริตสากล (Associationof Certificated Fraud Examiners: ACFE) พบว่า มีการทุจริตในตําแหน่งหน้าที่ (Occupational Fraud) ในปี พ.ศ. 2563 จำนวน 2,504 รายจาก 125 ประเทศ สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่า 3.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อว่าถ้าหากมีการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพก็จะสามารถลดการทุจริตลงได้

 

การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ตรวจสอบการทุจริต ตระหนักถึงการค้นหาการทุจริตได้รวดเร็วเพื่อลดมูลค่าความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น โดยมีวิธีกาศึกษาจากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับวิธีการทุจริต วิธีการค้นหา ควบคุม และป้องกันการทุจริต ตลอดจนลักษณะของบุคคลที่มีส่วนร่วมในการทุจริต และวิธีการปกปิดข้อมูลจากการทุจริต

 

ผลจากการศึกษา พบว่า จํานวนรายการทุจริตที่เกิดจากการยักยอกทรัพย์สินขององค์กรเกิดขึ้นมากที่สุด แต่พบความสูญเสียเฉลี่ยน้อยที่สุด ซึ่งตรงกันข้ามกับการทุจริตในงบการเงินซึ่งพบว่าเกิดจํานวนรายการทุจริตน้อยที่สุดแต่มูลค่าความเสียหายเฉลี่ยที่เกิดขึ้นสูงที่สุด และพบว่าการยักยอกสินทรัพย์ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเรียกเก็บเงิน และถ้าหากผู้ร่วมกระทําความผิดตั้งแต่ 3 คน จะก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น

 

นอกจากนี้ ยังพบว่าบุคลากรที่อยู่ในตําแหน่งระดับสูงจะมีความสามารถในการทําลายบริษัทได้รวดเร็วและมากกว่าบุคลากรระดับล่าง และวิธีการที่ผู้ทุจริตใช้ในการปกปิดข้อมูลมากที่สุดคือวิธีการสร้างเอกสารหลักฐานเท็จ สําหรับวิธีการค้นหา ควบคุม และป้องกันการทุจริตพบว่า ผู้บริหารที่จัดให้มีสภาพแวดล้อมการควบคุมภายในที่ดีและจัดให้มีการแจ้งข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลลับ จะทําให้ค้นหาการทุจริตได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังพบว่าการสร้างจรรยาบรรณในองค์กรจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการทุจริต ตลอดจนเสนอกรอบแนวคิดเพื่อการวิจัยในอนาคต

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

สุฏิกา รักประสูติ. 2564. การค้นหา ควบคุม และป้องกันการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่. วารสารวิจยวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์, 5(1), 305–316.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2564
ผู้แต่ง

สุฏิกา รักประสูติ

วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

ราชการไทยไร้คอร์รัปชัน : การสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐต่อการแจ้งเบาะแสการทุจริต

ศึกษาปัญหาการแจ้งเบาะแสการทุจริตในราชการไทย โดยใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่จากหน่วยงานรัฐส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐและพฤติกรรมการแจ้งเบาะแสการทุจริต

มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชัน

ศึกษากลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันและแนวทางเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา ข้อเท็จจริง และสิทธิเสรีภาพ

You might also like...

การรับสินบนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

งานวิจัยชี้ว่าปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ใน อปท. มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านความซื่อสัตย์สุจริต ปัจจัยด้านการเมือง และด้านตำแหน่งหน้าที่ที่เอื้อให้เกิดการรับสินบนตามลำดับ

KRAC Insight | จุฬา – ACT เปิดตัว ‘Corruption Watch’ ชูแนวคิด ‘ฟ้องโกง ถูกจุด ทันใจ’

ชูแนวคิด ‘ฟ้องโกง ถูกจุด ทันใจ’ เปิดโอกาสให้ทุกคนรายงานการทุจริตได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมระบบปกป้องผู้แจ้งเบาะเเสอย่างเข้มงวด ผ่านเครื่องมือ ‘เเชตฟ้องโกง ทันใจ’ ซึ่งพัฒนาจากงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

บทความวิจัย | กระบวนการขับเคลื่อนเครือข่ายการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม อปท. และสถานศึกษาในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลสู่สังคมปลอดคอร์รัปชันใน จ. นครราชสีมา

ศึกษากรณีศึกษาตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน และตำบลพระพุทธ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อหารูปแบบที่ปฏิบัติได้จริงในการสร้างสังคมปลอดคอร์รัปชัน พบว่า ต้องอาศัยการมีผู้นำที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และทุนทางสังคมที่เข้มแข็ง ได้เเก่ การมีธรรมนูญชุมชนและใช้นิทานคุณธรรมเพื่อปลูกฝังเยาวชน