
การทุจริตเลือกตั้งส่งผลให้การบริหารประเทศขาดธรรมาภิบาล และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาคีเครือข่ายในการป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่น และแนวทาง โมเดล วิธีการ ภาคีเครือข่ายในการป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีการศึกษาด้วยการทบทวนวรรณกรรมตามกรอบแนวคิดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พ.ศ. 2560 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ผลการศึกษา พบว่า โมเดลภาคีเครือข่ายในการป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทยประกอบ ด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) ปัจจัยภายในภาคีเครือข่าย เช่น การสร้างความตระหนักภายในภาคีเครือข่าย 2) ปัจจัยภายนอกภาคีเครือข่าย เช่น การทํางานเป็นทีม และ 3) ปัจจัยสภาพภาคีเครือข่าย เช่น การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ส่วนแนวทางของภาคีเครือข่ายในการป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่น ประกอบด้วย 2 แนวทาง คือ 1) ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้าใจรู้จักท้องถิ่นของตนเอง และ 2) ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนที่มีส่วนร่วมในการดำเนินการขององค์กรปกครองในท้องถิ่นตนเอง
รูปแบบ APA
ไกรศร วันละ และสัญญา เคณาภูมิ. (2565). โมเดลภาคีเครือข่ายในการป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทย. วารสารสหวิทยาการวิจัยและวิชาการ, 2(2), 77–92.

- ไกรศร วันละ
- สัญญา เคณาภูมิ
หัวข้อ
โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ
งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น
โครงการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตจากนโยบายและโครงการของรัฐ
ทำความเข้าใจรูปแบบ คุณลักษณะ และวิธีการดำเนินนโยบาย มาตรการ หรือโครงการของรัฐเพื่อหาวิธีการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริต
โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ
ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
