บทบาทของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย

วิเคราะห์รูปแบบของนิติบุคคลของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยในรายอุตสาหกรรมที่สำคัญ เพื่อสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทข้ามชาติในไทย ทั้งที่ถือหุ้นตรงหรือถือหุ้นผ่านนอมินี

ประเทศไทย มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศโดยการให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการค่อนข้างมาก แต่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทข้ามชาติที่ประกอบกิจการในประเทศไทยกลับมีน้อย การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทข้ามชาติในประเทศไทยในรายอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่เลือกทำการศึกษา เป็นอุตสาหกรรมที่มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยแล้ว ใน 7 สาขา ทั้งภาคการผลิต (ผลิตภัณฑ์ยาง ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจพลังงาน) ภาคการเกษตร (อาหารแปรรูปและผักผลไม้กระป๋อง ธุรกิจขยายพันธุ์พืช) และภาคบริการ (บริการด้านบัญชี และกฎหมาย)

โดยการศึกษาวิจัยนี้ อาศัยข้อมูลบริษัทจดทะเบียนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบของนิติบุคคลต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย และบทบาทของบริษัทข้ามชาติต่อระบบ เศรษฐกิจ โดยศึกษาถึงส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรม รายได้จากการขายและอัตราการเติบโตของรายได้ การจ้างงาน การวิจัยและการพัฒนา และศึกษาผลกระทบทางลบจากการเข้ามาประกอบกิจการของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทยในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและการผูกขาดทางธุรกิจ

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • ผลจากการศึกษาการลงทุนในประเทศไทยของบริษัทข้ามชาติใน 7 สาขา พบว่ามีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 20-25 ในหลายธุรกิจที่ศึกษา โดยรูปแบบการลงทุนของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย มีลักษณะที่แตกต่างกันในประเด็นสำคัญ คือการมีอำนาจควบคุมบริษัท และการถือหุ้น โดยสัญชาติของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย 2 อันดับแรก ได้แก่ สัญชาติญี่ปุ่น และสัญชาติอเมริกัน สำหรับผลกระทบทางสังคมจากการเข้ามาประกอบกิจการของบริษัทข้ามชาติ คือ การเป็นแหล่งการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้แก่รัฐที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังช่วยลดการผูกขาดของธุรกิจของไทยในบางอุตสาหกรรมด้วย สำหรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในภาคการผลิต พบว่าบริษัทที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ โดยส่วนมากมักมีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่สูงอยู่แล้ว หากประเทศไทยต้องการที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงควรที่จะบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดขึ้น
  • ผลจากการศึกษาด้านอุปสรรคในภาพรวมของการเข้ามาลงทุนประกอบกิจการในทุกธุรกิจของประเทศไทย พบว่าประเทศไทยยังคงมีกฎ กติกาที่ไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ อีกทั้ง กฎ กติกาบางอย่างทำให้เกิดภาระต้นทุนโดยไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย เช่น กฎหมาย พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่เข้มงวดเกินไป ทำให้บริษัทข้ามชาติถูกจำกัดประเภทของการบริการ หรือสินค้าที่สามารถเสนอให้แก่ลูกค้าได้ กฎหมายวิชาชีพ การขาดการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพ การขาดหน่วยงานกลางที่ควบคุมดูแลมาตรฐานสินค้า ทำให้ใช้เวลาและเอกสารมากเกินควร รวมถึงการขาดแคลนแรงงานกึ่งทักษะ 
  • ผลจากการศึกษาด้านอัตราการกระจุกตัว และการแข่งขันในตลาด ยังไม่พบปัญหาการแข่งขันจากการเข้ามาประกอบกิจการของบริษัทข้ามชาติในรายอุตสาหกรรมที่ทำการศึกษา เนื่องจากไม่มีบริษัทข้ามชาติรายใด ที่ครองส่วนแบ่งเกินร้อยละ 40 และสภาพการแข่งขันโดยรวมของธุรกิจ ยังไม่พบพฤติกรรมที่มีแนวโน้มทำให้เกิดการผูกขาดตลาดของบริษัทข้ามชาติ 
  • ผลจากการศึกษา ได้จัดทำข้อเสนอต่อภาครัฐ ดังนี้ (1) การปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทข้ามชาติ เพื่อความทันการณ์และความสมบูรณ์ของข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และฐานข้อมูลอื่น ๆ (2) เสนอแนะแนวทางในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงกฎ กติกา เพื่อลดอำนาจดุลยพินิจในการบังคับใช้กฎหมาย และลดระเบียบขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (3) การปรับปรุงนโยบาย ได้แก่ การยกเลิกข้อห้ามการลงทุนแบบครอบจักรวาลที่ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย และการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยให้เคร่งครัดขึ้น
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

เดือนเด่น นิคมบริรักษ์, เสาวลักษณ์ ชีวสิทธิยานนท์, วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี และสุณีพร ทวรรณกุล. (2550). บทบาทของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2550
ผู้แต่ง
  • เดือนเด่น นิคมบริรักษ์
  • เสาวลักษณ์ ชีวสิทธิยานนท์
  • วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี
  • สุณีพร ทวรรณกุล
หน่วยงาน
หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2

จัดทำข้อเสนอเพื่อเสริมพลังการมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เพื่อเข้าใจปัญหาจากมุมมองประชาชนและพัฒนานวัตกรรมแก้ไขที่ใช้ได้จริง

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 

You might also like...

KRAC Extract | คอร์รัปชันใต้ผืนป่า ความอยุติธรรมที่หยั่งรากในนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อม

พาไปเจาะลึกด้นมืดของการปลูกป่า การฟื้นฟูดิน และคาร์บอนเครดิต โครงการที่ควรช่วยโลกให้ดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วกลับถูกแทรกแซงด้วยอำนาจที่ไม่โปร่งใสในหลายขั้นตอน

KRAC Hot News I COP30 กับการวางธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมโลก

ท่ามกลางคลื่นความร้อน น้ำท่วม และความไม่มั่นคงทางอาหาร โลกกำลังถกเถียงครั้งใหญ่เรื่อง “ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมโลก” ว่าใครต้องลด ใครต้องจ่าย และใครควรได้รับการเยียวยาและในปี 2025 นี้ COP30 จะเป็นเวทีชี้ขาดครั้งสำคัญของทิศทางสิ่งแวดล้อมโลก

KRAC Insights I เชื่อมข้อมูล-เชื่อมภาคส่วน: ยกระดับงานวิจัยธรรมาภิบาลไทยยุคใหม่

KRAC ชวนอ่านสรุปเวทีเสวนา “Thailand Open Science for All” เพื่อพัฒนาบทบาทของ KRAC ในการเชื่อมโยงข้อมูล งานวิจัย และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อผลักดัน Open Science และยกระดับงานวิจัยด้านธรรมาภิบาลของไทยสู่การใช้งานจริงเชิงนโยบาย