แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : ต้านโกง สื่อผิด ชีวิตเปลี่ยน กลยุทธ์สื่อสารที่ได้ผลจากงานวิจัย

สัปดาห์นี้ ผมจะเดินทางไปสัมมนา “Seizing Political Windows of Opportunities: Strategizing Rapid Response Strategies for Anti-corruption Reforms in Transition Contexts” ที่จัดโดยNational Democratic Institute (NDI) ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นงานประชุมก่อนหน้างาน Open Government Partnership (OGP) Asia and the Pacific Regional Meeting งานนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศได้แลกเปลี่ยนแนวทางและประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิรูปเพื่อสร้างความโปร่งใสในภาวะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรวดเร็ว

เหตุผลที่เรื่องการสื่อสารเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชันนั้นสำคัญมาก เพราะมันอาจส่งผลในทางตรงกันข้ามได้ ดังที่งานวิจัยของ U4 Anti-Corruption Resource Centre แสดงให้เห็นว่าการรณรงค์ที่เน้นให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันมากขึ้น อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด งานวิจัยพบว่าการเน้นย้ำถึงขนาดและความรุนแรงของปัญหาคอร์รัปชันอาจทำให้ผู้คนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกหมดหวัง หรือแย่กว่านั้น อาจทำให้บางคนเห็นว่าการคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมีแนวโน้มที่จะยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น นอกจากนี้ แคมเปญที่พยายามแสดงให้เห็นว่ามีความก้าวหน้าในการต่อต้านคอร์รัปชันก็อาจให้ผลเชิงลบได้ หากประชาชนมองว่าเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์โดยไร้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้

แล้วสำหรับประเทศไทยล่ะ? เราเรียนรู้อะไรจากงานนี้บ้าง? นี่จึงเป็นสาเหตุให้ผมได้ร่วมทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่า “การตลาดเชิงประยุกต์สำหรับการกระตุ้นและจำแนกกลุ่มประชาชนที่มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชัน”ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานคนไทย 4.0 โดยมีคณะวิจัยประกอบด้วยต่อภัสสร์ ยมนาค, เอกก์ ภทรธนกุล, อภิชาต คณารัตนวงศ์,ธานี ชัยวัฒน์ และ ปฏิพัทธ์ สุสำเภา

งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน โดยใช้วิธีสำรวจความคิดเห็นและการทดลองในห้องปฏิบัติการ (lab experiment) เพื่อเข้าใจบทบาทของปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และจิตวิทยาที่ส่งผลต่อพฤติกรรมต่อต้านคอร์รัปชัน จากการศึกษา พบว่ามีหลายปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมนี้ เช่น บรรทัดฐานส่วนตน โอกาสในการเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน การยอมรับความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจ ความยึดมั่นในกลุ่ม การหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน ความดุดันขึงขัง ความเชื่อในอำนาจของตน และความกลัวความเสี่ยงต่อผลลัพธ์

ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มประชาชนที่มีพฤติกรรมต่อต้านคอร์รัปชันสูงมักเป็นผู้ที่มีบรรทัดฐานส่วนตนที่แข็งแกร่งและยอมรับความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจต่ำ ในทางกลับกัน กลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านคอร์รัปชันต่ำมักมีลักษณะดุดันขึงขังสูงและมีความกลัวต่อผลลัพธ์มากกว่า ข้อค้นพบนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการออกแบบกลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากงานวิจัยนี้ เราพบว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ได้แก่ การนำเสนอเนื้อหาที่ส่งเสริมบรรทัดฐานส่วนตน เช่น การเล่าเรื่องที่สะท้อนคุณค่าความซื่อสัตย์ การลดการใช้สื่อที่เน้นภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าวขึงขัง และการปรับเปลี่ยนแนวทางการแบ่งกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลประชากรศาสตร์มาเป็นการพิจารณาปัจจัยทางจิตวิทยาและพฤติกรรม นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์แบบล่างขึ้นบน (bottom-up) ที่ให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชันถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีที่เน้นการกำหนดนโยบายจากบนลงล่าง (top-down) ที่พึ่งพาภาครัฐเป็นหลัก

ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ยังนำไปสู่แนวทางใหม่ในการพัฒนาแคมเปญการสื่อสารที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การรณรงค์ที่เน้นเยาวชนหรือกลุ่มผู้ที่มีบรรทัดฐานส่วนตนสูง อีกทั้งยังมีการพัฒนาเครื่องมือวัดผลที่สามารถประเมินผลลัพธ์ของแคมเปญต่อต้านคอร์รัปชันในเชิงพฤติกรรม และความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อออกแบบนโยบายที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนได้อย่างเป็นระบบ

ผลลัพธ์ของการดำเนินงาน KRAC ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีผู้ติดตาม 1.6 พันคน และเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันคนในปี 2567 และ 2.4 พันคนในปี 2568 ข้อมูลเชิงลึกพบว่า 44% เป็นผู้หญิง และ 56% เป็นผู้ชาย โดยกลุ่มอายุที่ติดตามมากที่สุดคือ 25-34 ปี (33.8%) ตามด้วย 35-44 ปี (31.2%) และ 45-54 ปี (16.8%)

ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา KRAC มีการเข้าชมเพจ 74,686 ครั้ง และมี Engagement 2,558 ครั้ง โดยเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสูงสุดมักเป็นโพสต์ที่มีภาพประกอบดึงดูดความสนใจ สรุปประเด็นชัดเจน กระชับ และสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นี่คือผลที่ทำให้เห็นได้ว่ามีกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่เราสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีการนำเสนอแบบใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นการทดลองที่ทำในระดับเล็กเท่านั้น จำเป็นที่จะต้องได้รับการขยายผลอย่างต่อเนื่องต่อไป

ท่านที่สนใจสามารถติดตามเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชันจากศูนย์ความรู้เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน (KRAC) ได้ที่ www.kraccorruption.com และ Facebook Page: KRACCorruption (https://www.facebook.com/KRACcorruption) เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแนวทางในการต่อต้านคอร์รัปชันที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันครับ

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง
  • รศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
  • รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค
หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : โอปป้า เพื่อระบบที่ดีสร้างสังคมยั่งยืน

โอปป้าจ๋าช่วยด้วยยยย ! ทำไมคอร์รัปชันยังไม่หมดไปสักที หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเราถึงอยากปฏิรูปการศึกษาก็ทำไม่ได้ อยากป้องกันทรัพยากรธรรมชาติก็ทำได้ยากเพราะมีคนแย่งหาผลประโยชน์กันเต็มไปหมด หรือแม้แต่การสร้างสวัสดิการที่ดีให้กับประชาชนก็ดันไม่ถึงมือประชาชนอีก ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากการคอร์รัปชันที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้นั่นเอง

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เวทีต้านโกงระดับโลก เขาพูดคุยอะไรกัน

4 ประเด็นน่าสนใจจาก “Summit for Democracy 2023” การประชุมระดับโลกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา HAND Social Enterprise HANDSocialEnterprise ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ไปร่วมเสวนาในงาน Summit for Democracy 2023 หัวข้อหลักงานปีนี้คือ “การต่อต้านคอร์รัปชัน” เชื่อมโยงคำอธิบายว่า การคอร์รัปชันบ่อนทำลายประชาธิปไตย ในทางกลับกันประเทศที่ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็งจะทำให้คอร์รัปชันสูงขึ้น

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เรามีคนโกงเพิ่มขึ้น หรือ เราจับคนโกงได้มากขึ้น

แจ้งไม่เยอะแน่นะวิ ! ปี 65 พบการแจ้งเรื่องทุจริตเกือบ 10,000 เรื่องในไทย เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทั้งๆ ที่มีหน่วยงานปราบโกงที่มีอำนาจทางกฎหมายล้นเหลืออยู่หลายหน่วยงาน ทำไมระดับการคอร์รัปชันของไทยยังดูจะแย่ลงเรื่อยๆ

You might also like...

KRAC Insight | PEPs: ร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ สู่การสร้างข้อมูลเพื่อแก้ไขคอร์รัปชันข้ามชาติ

KRAC ชวนดูข้อเสนอต่อเเนวทางการดำเนินงานตาม PEPs จากทีม Open Data เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของ Data standard และตัวอย่างการใช้ชุดข้อมูล PEPs สำหรับสื่อมวลชน

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : 6 ปี ACT Ai – เครื่องมือสู้โกงของประชาชน

สองวันมานี้ท่านผู้อ่านทุกท่านคงได้รับฟังเรื่องราวและข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เรียนทุกท่านตามตรงว่าผมเองก็ยังประมวลข้อมูลยังไม่จบสิ้น เรียกว่ามีทั้งประเด็นเก่าประเด็นใหม่มากมายจาก “ข้อมูล” ที่ฝ่ายค้านเปิดประเด็นทำให้สังคมหันมาสนใจ

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : เมื่อจีนใช้ AI ช่วยสะสางการคอร์รัปชันอย่างได้ผล ไทยจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง

ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กลายเป็นคำคุ้นหูที่ท่านผู้อ่านคงได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง ทุกวันนี้ AI ถูกใช้อย่างแพร่หลายในแวดวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา สาธารณสุข หรือการท่องเที่ยว AI กลายเป็นพัฒนาการสำคัญที่ส่งเสริมให้การทำงานหลายอย่างสะดวกขึ้น การแข่งขันทางเทคโนโลยี AI กำลังเข้มข้นมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ เมื่อจีนเปิดตัว DeepSeek สำเร็จ ซึ่งกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Open AI