โครงการนโยบายประชานิยม : ผลกระทบและแนวทางการรับมือ

วิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายประชานิยม และกําหนดกรอบนโยบายที่เหมาะสม เพื่อเสนอแนะแนวทางและมาตรการการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายประชานิยม 

สถานการณ์การทุจริตของประเทศไทยในองค์รวม และที่แยกย่อยออกเป็นภาคสังคมด้านต่าง ๆ มีรูปแบบโครงสร้าง และความสัมพันธ์ที่หลากหลาย และซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งการกําหนดนโยบายของพรรคการเมือง การใช้อํานาจอย่างไม่โปร่งใส ก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมหาศาล

การวิจัยเรื่องนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายประชานิยมของรัฐบาลไทย เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนโยบายประชานิยม กับ นโยบายรัฐสวัสดิการ และสร้างเกณฑ์สําหรับกําหนดกรอบนโยบายที่เหมาะสมของรัฐบาล เพื่อเสนอแนะแนวทางและมาตรการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายประชานิยม

โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิจัยเอกสาร การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การจัดสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก การทำวงล้ออนาคต การวิเคราะห์ต้นทุนผลประโยชน์ และการรับฟังความคิดเห็น โดยผู้ให้ข้อมูลหลัก เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนจํานวนทั้งสิ้น 137 คน ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายประชานิยมทั้ง 8 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย (2) โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร (3) โครงการมาตรการรถยนต์คันแรก (4) โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) (5) โครงการรับจํานําข้าวเปลือก (6) โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย (7) โครงการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และ (8) โครงการบ้าน ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • ผลการวิจัย พบว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลไทยจํานวน 8 โครงการ สามารถจําแนกประเด็นนโยบายออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร และการพยุงสินค้าเกษตร (2) นโยบายด้านการศึกษา (3) นโยบายที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ และ (4) นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยโครงการที่ส่งผลกระทบทางบวกเป็นส่วนใหญ่และค่อนข้างมีความคุ้มค่าสูง ได้แก่ โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร โครงการบ้าน ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก และโครงการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ส่วนโครงการที่ส่งผลกระทบทางลบเป็นส่วนใหญ่และมีความคุ้มค่าน้อย ได้แก่ โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย โครงการรับจํานําข้าวเปลือก โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) โครงการมาตรการรถยนต์คันแรก และโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย 
  • ผลการวิจัย พบว่า นโยบายประชานิยมแตกต่างจากนโยบายรัฐสวัสดิการในสามประเด็น ได้เเก่ หนึ่ง ความต่อเนื่องของนโยบาย สอง เป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม และยั่งยืนของประชาชน และสาม ภาระทางการคลัง โดยนโยบายประชานิยมเป็นเพียงนโยบายระยะสั้น ที่ใช้เป็นกลยุทธ์ในการสร้างคะแนนนิยมของนักการเมืองเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ทำให้อาจไม่มีการสานต่อเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล และกลายเป็นการสร้างภาระทางการคลังต่อไป ในขณะที่นโยบายรัฐสวัสดิการ จะมีความต่อเนื่องในรัฐบาลทุกชุด เนื่องจากเป็นบทบาทหลักของรัฐในการกระจายความมั่งคั่งอย่างชอบธรรม และมีความรับผิดชอบต่อประชาชนทุกกลุ่มผ่านระบบการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ
  • มาตรการสําหรับการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายประชานิยม รวมทั้งการขยายตัวของนโยบายประชานิยมในรูปแบบต่าง ๆ สามารถจําแนกประเด็นนโยบายออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
    1. นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรและการพยุงสินค้าเกษตร ควรเน้นที่ความจำเป็นและวคามต้องการที่แท้จริงของเกษตรกร
    2. นโยบายด้านการศึกษาต้องส่งเสริมการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียนเป็นสําคัญอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
    3. นโยบายที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ต้องคํานึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณที่ใช้ไปกับความต้องการจําเป็นและการคัดกรองประชาชนกลุ่มเป้าหมาย
    4. นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ควรส่งเสริมให้มีการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
  • จากผลการวิจัย มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น การจัดทํานโยบายควรมีการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ รัฐบาลควรมีการศึกษาถึงกฎหมาย ข้อกําหนด หรือระเบียบราชการต่าง ๆ อย่างรอบคอบ และดําเนินการตามอย่างเคร่งครัด ในด้านข้อเสนอแนะสําหรับการทําวิจัยในอนาคต เช่น มีการศึกษาเชิงลึกในแต่ละกลุ่มนโยบายสาธารณะ เช่น นโยบายการเกษตร นโยบายการศึกษา นโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมประชาชนเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและการรู้เท่าทันนักการเมือง จะทําให้รับมือ และหลีกเลี่ยงการเกิดนโยบายประชานิยมได้อย่างยั่งยืน
  • สำหรับข้อเสนอเเนะต่อสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการป้องกันผลกระทบจากนโยบายประชานิยม สามารถดำเนินการในรูปแบบภาคีเครือข่าย ได้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะต้นน้ำ ดําเนินงานร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการคัดกรองผู้สมัครตําแหน่งทางการเมือง สร้างภาคีเครือข่ายกับภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ในการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ระยะกลางน้ำ เน้นบทบาทของสํานักงาน ป.ป.ช. ในการสร้างภาคีเครือข่ายในรูปแบบที่มุ่งตรวจสอบการนํานโยบายไปปฏิบัติ และ ระยะปลายน้ำ เป็นการสร้างภาคีเครือข่ายการปราบปรามผู้ที่ทุจริต การใช้กระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และนำผู้กระทําผิดทางการเมืองมาลงโทษ
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

พสชนัน นิรมิตรไชยนนท์, อริศรา เล็กสรรเสริญ, กมลพร สอนศรี และวรรณชลี โนริยา. (2561). โครงการนโยบายประชานิยม : ผลกระทบและแนวทางการรับมือ. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง
  • พสชนัน นิรมิตรไชยนนท์
  • อริศรา เล็กสรรเสริญ
  • กมลพร สอนศรี
  • วรรณชลี โนริยา
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง

โครงการพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เพื่อศึกษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 244 มาตรา 245 ประกอบมาตรา 221 เกี่ยวกับการวางระบบการร่วมมือกันทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดมาตรการ และวิธีการทำงานร่วมมือกันของ
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล

You might also like...

KRAC Hot News I ปลดล็อกรังนกจากถ้ำสู่บ้านอย่างไร ให้โปร่งใสไร้ทุจริต

การส่งออกรังนกไทยมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจรังนกจึงสร้างรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แต่หากขาดการกำกับดูแลให้โปร่งใส อาจจะก่อให้เกิดผลเสียมหาศาลกับธุรกิจไทยได้

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “ธรรมาภิบาล” หลักการที่ยืดหยุ่น พร้อมสร้างประสิทธิภาพ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมหลักธรรมาภิบาลของแต่ละองค์กรถึงดูไม่เหมือนกัน บางองค์กรมี 6 หลัก บางองค์กรมี 8 หลัก ความจริงแล้วหลากหลายองค์กรทั่วโลกล้วนมีการวางแนวคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาลที่ต่างกัน โดยงานวิจัยเรื่อง “โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูล องค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (ระยะที่ 2)” (2563) ได้ศึกษาเรื่องนี้เอาไว้

โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)

การศึกษาเพื่อสร้างตัวชี้วัดสำหรับการประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการขององค์กรในประเทศไทย พบว่า มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในระดับมาก และยังสามารถปรับปรุงดัชนีชี้วัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้