การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับเจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

จากข้อมูลสถิติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีการกล่าวหาร้องเรียนกรณีคอร์รัปชันมากกว่า 6,000 เรื่อง และเมื่อพิจารณาวงเงินงบประมาณที่มีการคอร์รัปชันตามคำกล่าวหา มีมูลค่าสูงถึง 90,716 ล้านบาท โดยคดีที่สร้างความเสียหายมากที่สุด ได้แก่ คดีคอร์รัปชันในการจัดทำงบประมาณ/โครงการ/เบิกจ่ายเงินเท็จ 67,027 ล้านบาท การจัดซื้อจัดจ้าง 19,363 ล้านบาท และยักยอก/เบียดบังทรัพย์สินของราชการ 70 ล้านบาท มูลค่าความเสียหายดังกล่าวแสดงถึงความสำคัญของปัญหาการคอร์รัปชันที่ควรมีแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อลดความสูญเสียงบประมาณที่เกิดขึ้น
จึงเป็นที่มาของวัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ คือ
- เพื่อศึกษาสถานการณ์ ความเสียหาย และผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย
- เพื่อศึกษาความสําคัญ แนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยงานในต่างประเทศ
- เพื่อวิเคราะห์ปัจจัย การประเมินความเสี่ยงด้านการทุจริตในกระบวนการงบประมาณ
- เพื่อหาแนวทาง มาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการงบประมาณ
ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคอร์รัปชันที่สําคัญ คือ ปัจจัยภายนอก เช่น การใช้อํานาจของผู้บริหารระดับสูง การบังคับใช้กฎหมาย และระบบการตรวจสอบภายในที่อ่อนแอ ปัจจัยภายใน เช่น ทัศนคติและค่านิยมส่วนบุคคล โอกาสและแรงจูงใจ พฤติกรรมเลียนแบบ
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ หนึ่ง เจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง และสอง ค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยทั้งสองส่วนต้องมีการดำเนินการควบคู่กันไป คือ ผู้บริหารระดับสูงจะต้องกําหนดนโยบายการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวดเร็ว ขณะที่ภาคประชาชนจะต้องร่วมกันสร้างแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำความผิด ติดตามการดําเนินงานของหน่วยงานและผลการสืบสวนสอบสวนคดีคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น
สรุปประเด็นสำคัญและข้อเสนอของงานวิจัย
- การทุจริตในกระบวนการจัดทําและอนุมัติงบประมาณเป็นการกระทําที่ตรวจสอบยากเพราะไม่ทิ้งหลักฐานไว้แต่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมากเนื่องจากจัดสรรทรัพยากรผิด
- ปัจจุบันมีประชาชนจํานวนมากที่ต้องการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบคอร์รัปชัน แต่ไม่ทราบแนวทางการตรวจสอบที่เป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงควรหาเครื่องมือที่ไม่ยุ่งยาก เข้าใจง่ายให้ประชาชนร่วมตรวจสอบการทํางานทั้งภาครัฐ และท้องถิ่นของตนเอง
- การดําเนินคดี สอบสวน การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความล่าช้า เห็นได้จากมีคดีค้างการพิจารณาแต่ละปีมากกว่าร้อยละ 80 นอกจากนี้ โครงสร้างองค์กรด้านการตรวจสอบคอร์รัปชันจะต้องมีกลไกในการถ่วงดุลและตรวจสอบที่เหมาะสม
- คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะ ดังนี้
สำนักงบประมาณของรัฐสภา. (2564). เอกสารวิชาการ ฉบับที่ 15/2564 แนวทางการป้องกันและลดความสูญเสียงบประมาณจากการทุจริต. สำนักงบประมาณของรัฐสภา
สำนักงบประมาณของรัฐสภา
หัวข้อ
แนวทางการพัฒนาระบบตรวจสอบภายในกับธรรมาภิบาลในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน
วิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาระบบการตรวจสอบภายในของผู้ตรวจสอบภายใน ให้สามารถสนับสนุนการบริหารราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีกรณีศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด
แนวทางการป้องกันและลดความสูญเสียงบประมาณจากการทุจริต
การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับเจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ
รูปแบบการทุจริตและปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ศึกษารูปแบบและปัจจัยเสี่ยงของการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขหรือกำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น