โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับเจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

ในปัจจุบันการทุจริตคอร์รัปชันมีความซับซ้อนแยบยลมากยิ่งขึ้นและเป็นการยากที่จะตรวจสอบ จากแนวทางที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหา พบว่า การแจ้งเบาะแสเป็นกลไกสําคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การต่อต้านคอร์รัปชันสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิผล แต่กลับพบว่างานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยลักษณะองค์กรที่ส่งผลต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในปัจจุบันมีการค่อนข้างน้อย

จึงเป็นที่มาของวัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ คือ

  1. เพื่อศึกษาอิทธิพลของจริยธรรมขององค์กร (Organizational integrity) ที่มีต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสทั้งภายในและภายนอกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย
  2. เพื่อศึกษากระบวนการทางจิตวิทยาที่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจริยธรรมองค์กรและความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย โดยใช้คะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment หรือ ITA เป็นตัวแทนระดับจริยธรรมขององค์กร
  3. เพื่อศึกษาเชิงคุณภาพในด้านความสัมพันธ์ระหว่างคะแนน ITA และสถานการณ์การแจ้งเบาะแสขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ผลการศึกษาจากสำรวจความคิดเห็นพนักงานส่วนตำบล 365 ราย จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) 40 แห่ง และนำมาทำการวิเคราะห์สมการโครงสร้างแบบพหุระดับ (MSEM) พบว่า จริยธรรมขององค์กร ซึ่งใช้คะแนน ITA เป็นตัวแทน ส่งผลทางบวกต่อบรรยากาศทางจริยธรรมขององค์กร กล่าวคือเมื่อองค์กรได้รับคะแนนการประเมินที่ดีก็สะท้อนให้เห็นถึงจริยธรรมองค์กรที่ดีเช่นกัน โดยหากองค์กรได้รับคะแนน ITA และมีบรรยากาศทางจริยธรรมที่ดี ก็จะมีผลดีต่อปัจจัยแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ปัจจัยความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม และปัจจัยความรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีผลทำให้เกิดการแจ้งเบาะแสจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร

นอกจากนี้ ในการสัมภาษณ์พนักงาน อบต. จํานวน 20 ราย พบว่า มีความแตกต่างระหว่าง อบต. ที่มีคะแนน ITA ในระดับสูงและต่ำ ซึ่งพนักงานใน  อบต. ที่มีคะแนน ITA ระดับต่ำประสบความยากลําบากในการแจ้งเบาะแสการคอร์รัปชันซึ่งมักจะเกิดจากนักการเมืองท้องถิ่น อีกทั้งยังพบปัญหาการไม่มีช่องทางในการแจ้งเบาะแสภายในองค์กร พนักงาน อบต. จึงเลือกที่จะปิดปากเงียบหรือไม่ก็ออกไปแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางภายนอก

สรุปประเด็นสำคัญและข้อเสนอของงานวิจัย

  • ความปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) มีบทบาทสำคัญต่อความตั้งใจที่จะเปิดโปงการคอร์รัปชัน หรือการแจ้งเบาะแสทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งเมื่อระดับความปลอดภัยทางจิตใจของพนักงานอยู่ในระดับสูง พนักงานจะรู้สึกว่าข้อกังวลของตนเองจะไม่ถูกมองข้ามโดยผู้มีอำนาจในองค์กร และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น
  • คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะ ดังนี้ 
  1. ส่งเสริมการเลือกตั้งเชิงคุณธรรม โดยประชาชนควรเลือกนักการเมืองที่มีจริยธรรม เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อ อบต. และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
  2. ปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส โดยควรแก้ไขกฎหมายการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น ให้มีบทบัญญัติคุ้มครองพนักงานที่แจ้งเบาะแสจากการถูกกลั่นแกล้งหรือคุกคาม และกำหนดโทษสำหรับนักการเมืองที่กระทำผิด
  3. มีการใช้งาน ITA อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลควรใช้การประเมิน ITA ในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งในด้านการเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความรับผิดชอบและเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาองค์กร
  4. เน้นคุณธรรมในการสรรหาบุคลากร โดยการคัดเลือกพนักงานมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะและมีจริยธรรมในการทำงาน และผลักดันให้เกิดการพัฒนาจริยธรรมองค์กรผ่านการดำเนินการของผู้นำองค์กร
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

วิษณุพงษ์ โพธิพิรุฬห์ และอัชกรณ์ วงศ์ปรีดี. (2561). โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนีการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐในกลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย: การวิจัยแบบผสม. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง
  • วิษณุพงษ์ โพธิพิรุฬห์
  • อัชกรณ์ วงศ์ปรีดี
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

แนวทางการพัฒนาระบบตรวจสอบภายในกับธรรมาภิบาลในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน

วิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาระบบการตรวจสอบภายในของผู้ตรวจสอบภายใน ให้สามารถสนับสนุนการบริหารราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีกรณีศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด

แนวทางการป้องกันและลดความสูญเสียงบประมาณจากการทุจริต

การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับเจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

You might also like...

KRAC Insight | การเงินพรรคการเมืองที่เปิดเผยโปร่งใส: โอกาสของไทยในการเข้าร่วม OECD

การเงินพรรคการเมืองที่โปร่งใส คือกุญแจสำคัญสู่ประชาธิปไตยและการก้าวสู่ OECD ชวนอ่านมุมมองจากคุณณัชชาภัทร อมรกุล ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า พร้อมแนวทางยกระดับความโปร่งใสของการเงินพรรคการเมืองไทย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ชวนส่องความเสี่ยงทุจริต ของ 5 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย

รัฐธรรมนูญปี 2540 เปิดทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารตนเองเพื่อตอบโจทย์ชุมชน และลดภาระจากส่วนกลาง แต่กลับไม่ได้มาพร้อมกลไกตรวจสอบที่เพียงพอ จนทำให้หลายพื้นที่กลายเป็นแหล่งอิทธิพลทางการเมืองท้องถิ่นและการตรวจสอบงบประมาณเป็นไปได้ยาก

KRAC Insight | ส่องกฎหมายต่อต้านการให้และเรียกรับสินบน: มีด (ไม่) ลับของสหรัฐอเมริกา

รู้หรือไม่ว่ากฎหมาย FCPA และ FEPA ของสหรัฐฯ ถูกออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นการ “ให้” และ “เรียกรับ” สินบนจากบรรษัทข้ามชาติ ศาสตราจารย์แมทธิว สตีเฟนสัน แห่ง Harvard Law School จะมาช่วยไขรหัสว่า ทำไมกฎหมายเหล่านี้ถึงสำคัญต่อทั้งบริษัทข้ามชาติ และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก