KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ลดการคอร์รัปชันได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจากการพัฒนาชุมชน

ลดการคอร์รัปชันได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจากการพัฒนาชุมชน  

รู้หรือไม่ว่ากรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีเขตการปกครองมากถึง 50 เขต ทำให้กรุงเทพฯ มีชุมชนอยู่มากถึง 2,068 ชุมชน ซึ่งในจำนวนนั้นมีชุมชนแออัด 662 ชุมชน

 

โดยทุกชุมชนจะได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชน สนับสนุนรายเดือนจากสำนักงานเขตเพื่อนำไปพัฒนาชุมชนของตนเอง แบ่งเป็น ชุมชนขนาดเล็ก ชุมชนละ 5,000 บาท ชุมชนขนาดกลาง ชุมชนละ 7,500 บาท ชุมชนขนาดใหญ่ ชุมชนละ 10,000 บาท

 

ซึ่งถ้ามองเงินส่วนนี้จากเพียงอย่างเดียวอาจเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่ถ้าทุกชุมชนรวมกัน รัฐต้องจ่ายงบประมาณหลายล้านบาทในทุกเดือน หากเกิดการทุจริตหรือมีการบริหารจัดการงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพเงินที่รัฐสนับสนุนก็จะไปไม่ถึงประชาชน ชุมชนก็จะขาดการพัฒนา และสร้างความเสียหายกับงบประมาณของประเทศ  

ชุมชนเข้มแข็ง แก้ปัญหาทุจริตอย่างมีส่วนร่วม

การศึกษาคอร์รัปชันในชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งงานวิจัยเรื่อง “กระบวนการติดตั้งระบบและกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน: กรณีศึกษาชุมชนบางบัว เขตบางเขน และชุมชนหลังแฟลตร่วมพัฒนา เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร” (2563) โดย อมรรัตน์ กุลสุจริต และคณะ

 

งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการสร้างกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในชุมชน กรณีศึกษาจาก 2 ชุมชน คือ ชุมชนบางบัว เขตบางเขน และชุมชนหลังแฟลตร่วมพัฒนา เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ใน ชุมชน

 

KRAC Corruption จึงอยากมาเล่ากระบวนการของงานวิจัยชิ้นนี้ โดยยกกรณีชุมชนบางบัว มาเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนว่า ชุมชนเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง กระบวนการวิจัยเข้าไปสนับสนุนการสร้างกลไกของชุมชนได้อย่างไร และผลลัพธ์เป็นอย่างไร 

ชุมชนบางบัว ร่วมออกแบบกติกาชุมชน

ทีมวิจัยได้ลงไปศึกษาและทำงานร่วมกับคนในชุมชนบางบัว เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จนได้พบว่า มีปัญหาหลายอย่างก่อให้เกิดการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการคอร์รัปชัน เช่น คณะกรรมการไม่เปิดโอกาสให้สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วม ไม่มีการเปิดข้อมูลให้สมาชิกชุมชนได้รับทราบ รวมถึงขาดกลไกเฝ้าระวังและตรวจสอบทุจริต 


จากปัญหาที่พบ ทีมวิจัยจึงได้ร่วมพูดคุยกับคณะกรรมการชุมชนและสมาชิกในชุมชนบางบัว เพื่อร่วมกันออกแบบกติกาชุมชน และสร้างกลไกในการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดการคอร์รัปชันในการบริหารจัดการชุมชน ดังนี้ 

 

1.กำหนดประชุมคณะกรรมการชุมชนทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน

 

เพื่อให้การประชุมมีความสม่ำเสมอพร้อมทั้งให้มีการบันทึกการประชุม และการลงมติการประชุมทุกครั้ง โดยให้เป็นไปตามเสียงข้างมากตามรูปแบบของประชาธิปไตย

 

2.เสนอให้คณะกรรมการชุมชนทำสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน

 

เพื่อให้เห็นงบประมาณเข้า-ออก พร้อมแจ้งสาเหตุของการนำเงินไปใช้ เพื่อให้เกิดการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง

 

3.เสนอให้คณะกรรมการชุมชนเปิดโอกาสให้สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วม

 

ในการจัดกิจกรรมทุกขั้นตอนและมีการประเมินผลเพื่อนําไปสู่ความรู้สึกว่าชุมชนเป็นของทุกคน (sense of belonging) ซึ่งคณะกรรมการชุมชนเองก็ตอบรับ


4.เสนอให้มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชี การทำงาน และกิจกรรมของชุมชน

 

เพื่อให้สมาชิกในชุมชนรับรู้ และยังมีการสร้างเครื่องมือการรับเรื่องร้องเรียนภายในชุมชนเพื่อนำข้อร้องเรียนมาแก้ไข

 

นอกจากนี้ ทีมวิจัยได้จัดอบรมเรื่องการบริหารจัดการที่ดีและการต่อต้านคอร์รัปชันให้กับสมาชิกในชุมชน สร้างกลไกยกย่องคนดี ซึ่งจะให้รางวัลกับผู้ที่กล้าแจ้งเบาะแสทุจริต โดยจะได้รับการโหวตจากคนในชุมชนเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และยังมีการทำงานร่วมกับภาคีภายนอก เพื่อปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเขตที่เป็นผู้ให้งบประมาณ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และสร้างความโปร่งใสในการบริหารงาน   

ผลลัพธ์จากการทดลองใช้กติกาชุมชน

หลังจากที่คณะกรรมการชุมชน ได้นำข้อเสนอไปปรับใช้ ทีมวิจัยได้เข้าไปสังเกตการณ์ทำงาน พบว่า ชุมชนพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น มีการประชุมคณะกรรมการชุมชนอย่างสม่ำเสมอ และรูปแบบการประชุมเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย

 

รวมถึงมีการบันทึกรายรับรายจ่ายที่แยกกันชัดเจน มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับคนในชุมชนรับทราบทั้งเรื่องบัญชีชุมชนและกิจกรรมชุมชน ตลอดจนสมาชิกชุมชนได้มีส่วนร่วมและให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการชุมชนและสมาชิกชุมชนได้มีทัศนคติที่เปลี่ยนไป และเห็นถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลและการมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งในอนาคต ทัศนคติและกลไกที่เปลี่ยนไป จะช่วยลดโอกาสการคอร์รัปชัน การบริหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้งบประมาณเข้าถึงประชาชนและพัฒนาชุมชนได้อย่างแท้จริง  

 

ชุมชนบางบัว เป็นหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการบริหารจัดการของชุมชนบางพื้นที่ อาจยังมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดคอร์รัปชันได้ จากการมีกลไกป้องกันการคอร์รัปชันที่ยังไม่ดีพอ แต่หากชุมชนมีความเข้มแข็งและร่วมมือกันค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น ก็สามารถสร้างกลไกที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

 

งานวิจัยเรื่องนี้ จึงชี้ให้เห็นตัวอย่างของความสำเร็จจากการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วม หากประเทศไทย สามารถสร้างกลไกป้องกันการคอร์รัปชันและส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดีให้กับชุมชนได้ เกิดการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการคอร์รัปชันขึ้นได้ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในชุมชน 

 

นอกจากชุมชนบางบัวแล้ว งานวิจัยเรื่อง กระบวนการติดตั้งระบบและกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน : กรณีศึกษาชุมชนบางบัว เขตบางเขน และ ชุมชนหลังแฟลตร่วมพัฒนา เขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร” (2563) โดย อมรรัตน์ กุลสุจริต และคณะ ยังมีตัวอย่างของชุมชนหลังแฟลตร่วมพัฒนาที่มีความเข้มเเข็งไม่เเพ้กัน โดยสามารถอ่านสรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัยได้ที่ลิงก์ด้านล่าง

 

คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง

ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

เปลี่ยน Trainees เป็น Rookies ตัวท็อปของวงการ : ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 เพื่อปูพื้นฐานการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 ที่จะช่วยปูพื้นฐานความรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน ผ่านแนวคิดทางวิชาการ และเรียนรู้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

มาแล้ว !! โอกาสพัฒนาความรู้สู่การต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ

KRAC ชวนทุกคนมาเรียน “หลักสูตรการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันร่วมสมัย” ที่จะพาผู้เรียนมาทำความเข้าใจกับการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาประยุกต์ไปกับหลายศาสตร์หลากมุมมองและมีตัวอย่างกรณีศึกษาให้เรียนรู้ สอดแทรกไปกับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับองค์กรที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันในปัจจุบัน

คัดสรรงานวิจัยไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณอาจไม่รู้ (จัก) มาก่อน : ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทย 24 ชิ้น เพื่อทำความเข้าใจการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทยที่ KRAC คัดสรรมาให้คุณ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันภายใต้บริบทของประเทศไทย

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!