KRAC Update เล่าข่าวต้านคอร์รัปชัน I UNODC จับมือไนจีเรียจัดทำรายงานการทุจริตในไนจีเรีย ชี้ “การติดสินบนได้รับการยอมรับน้อยลง”

UNODC จับมือหน่วยงานไนจีเรียจัดทำ “รายงานการทุจริตในไนจีเรีย” ชี้ “การติดสินบนได้รับการยอมรับน้อยลง”

 

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ได้มีการเผยแพร่รายงานการสำรวจที่จัดทำร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติไนจีเรีย (Nigeria’s National Bureau of Statistics: NBS) มูลนิธิแมคอาเธอร์ (the MacArthur Foundation) และรัฐบาลเดนมาร์ก จากข้อมูลที่ได้มีการสำรวจในปี 2566 นับเป็นการสำรวจข้อมูลครั้งที่ 3 ! 

รายงานฉบับนี้มีชื่อว่า การทุจริตในไนจีเรีย: รูปแบบและทิศทาง (Corruption in Nigeria: Patterns and Trends)” เป็นการสำรวจเกี่ยวกับการรับรู้การทุจริตของประชาชนในประเทศไนจีเรียจากประสบการณ์ของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์แนวโน้มการทุจริต ประสิทธิภาพของกลยุทธ์ และแนวทางการต่อต้านการทุจริตอีกด้วย โดยรายงานฉบับนี้มุ่งเน้นเพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์การทุจริตของชาวไนจีเรีย พร้อมทั้งศึกษาผลกระทบของการทุจริตด้วย  

จากรายงานพบว่า ในปี 2566 ชาวไนจีเรียกว่าร้อยละ 70 ถูกเรียกร้องให้จ่ายสินบน และมีการปฏิเสธที่จะจ่ายสินบนอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อการถูกเรียกร้อง นอกจากนี้ จากรายงานยังพบว่าประชาชนที่ได้รับผลเชิงลบภายหลังการปฏิเสธคำร้องขอสินบนมีจำนวนลดน้อยลง จากร้อยละ 49 ในปี 2562 เหลือร้อยละ 38 ในปี 2566 แสดงให้เห็นว่า ชาวไนจีเรียรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริตโดยไม่กลัวผลที่จะตามมา และไม่กลัวว่าจะถูกเรียกร้องให้จ่ายสินบนเพื่อดำเนินการอีก 

นอกจากนี้ ข้อมูลในปี 2566 พบว่า มีจำนวนประชาชนที่จ่ายสินบนเพิ่มขึ้นจากปี 2562 จากร้อยละ 3.6 เป็นร้อยละ 8.6 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากการตรวจสอบที่เข้มงวด ความสามารถของประชาชนในการเข้าถึงช่องทางการร้องเรียนมากขึ้น และความพร้อมของสถาบันในการรับเรื่องร้องเรียน จนนำไปสู่การตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ระหว่างปี 2562 ถึงปี 2566  

แม้ว่าจะมีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่เพิ่มมากขึ้น แต่การทุจริตยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชาวไนจีเรีย รองจากค่าครองชีพ ความไม่ปลอดภัย การว่างงาน และยังเป็นความท้าทายในการดำเนินการต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศให้มีประสิทธิผล เพราะจากการสำรวจพบว่า ประชาชนมีการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐถึง 1.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.35 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือค่า GDP (Gross Domestic Product) นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการจ่ายสินบนในภาคเอกชนมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากร้อยละ 6 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 14 ในปี 2566 

ในรายงานยังมีการระบุว่า ผู้พิการเป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการถูกเรียกร้องให้จ่ายสินบนมากกว่าบุคคลทั่วไป เพื่อที่จะได้ใช้บริการสาธารณะต่าง ๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มภาระให้กับกลุ่มผู้พิการ ดังนั้น จึงควรมีการศึกษา สำรวจประสบการณ์ และผลกระทบของการทุจริต ที่มีต่อกลุ่มคนที่ถูกละเลยหรือถูกกีดกัน เช่น ผู้พิการ สตรี และเยาวชนเพิ่มเติม เพื่อที่จะเข้าใจในปัญหา และหาแนวทางการแก้ไขอย่างครอบคลุม 

จากประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นนำมาสู่การเกิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหลายประการ เช่น การเสริมสร้างความรับผิดชอบ ที่เจ้าหน้าที่รัฐ พลเมือง และผู้ที่อยู่ในระบบยุติธรรมทางอาญาและรัฐสภา ที่ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการเรียกร้องสินบนและการรับสินบน เพื่อสร้างพฤติกรรม และทัศนคติที่จะทำให้คนในสังคมไม่ทนต่อการทุจริต รวมถึงการเสริมสร้างกลไกการร้องเรียนให้แข็งแกร่ง ลดข้อจำกัดของช่องทางการร้องเรียนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการติดต่อระหว่างพลเมืองกับเจ้าหน้าที่สาธารณะ ซึ่งอาจช่วยลดจำนวนการจ่ายสินบนลงได้อีกด้วย 

ในปัจจุบัน ประเทศไทยก็มีปัญหาเรื่องสินบนเช่นกัน ทั้งการเรียกร้องสินบนระหว่างนักการเมือง การรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐจากภาคเอกชน และการจ่ายสินบนของประชาชนแก่เจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หลายหน่วยงานมีความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้อยู่ ด้วยการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแจ้งเบาะแสการทุจริต เช่น เว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช. (https://wbs.nacc.go.th) ที่จะนำไปสู่การดำเนินการตรวจสอบเพื่อขยายผลต่อไป หรือการส่งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยตัวตนผ่านไลน์ (Line) “ฟ้องโกงด้วยแชตบอต” (@corruptionwatch) และ เพจต้องแฉ ที่เป็นพื้นที่เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลเบาะแสการทุจริต ค้นหาข้อเท็จจริง แบ่งปันความรู้ในการแก้ไขปัญหาผ่านแฟนเพจ รวมถึงสนับสนุนข้อมูลให้สื่อมวลชนในการทำข่าวสืบสวนสอบสวน (Investigative Journalism) ต่อไป 

สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถอ่านรายงานฉบับเต็ม ได้ที่ 👉🏻 https://bit.ly/3LJtxLM  

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง
  • ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เสริมพลัง ป.ป.ช. จังหวัด แก้คอร์รัปชันให้ตรงจุด

เมื่อการทำงานของ ป.ป.ช. กลาง ไม่สอดประสานกับ ป.ป.ช. จังหวัด ต้องจัดการอย่างไร ? KRAC ชวนอ่านงานวิจัยของฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2563) เพื่อยกระดับภารกิจป้องกันการทุจริตของ ป.ป.ช. จังหวัด ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 4 แนวทางสืบสวนคดีคอร์รัปชันของสหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เขาทำอย่างไรกันบ้าง ?

“เปิดเลนส์ข่าวกรอง” ชวนสำรวจแนวทางสืบสวนคดีคอร์รัปชันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในคดีที่ซับซ้อน มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง หรือมีความพยายามปกปิดร่องรอยอย่างเป็นระบบ แต่ละประเทศมีแนวทางอย่างไรบ้าง มาดูกัน

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “เดนมาร์ก” ประเทศที่ยืนหนึ่งเรื่องความโปร่งใส แบบไม่พึ่งพาหน่วยงานต่อต้านทุจริต

หนึ่งในประเทศที่ติดอันดับโปร่งใสเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง “เดนมาร์ก” กลับไม่มีหน่วยงานแก้ปัญหาคอร์รัปชันโดยเฉพาะแบบประเทศไทย

You might also like...

บทความวิจัย | กระบวนการขับเคลื่อนเครือข่ายการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษาในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลสู่สังคมปลอดคอร์รัปชันในจังหวัดนครราชสีมา กรณีศึกษาตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน และตำบลพระพุทธ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา

รูปแบบที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อสร้างสังคมปลอดคอร์รัปชันต้องอาศัยการมีผู้นำที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ธรรมนูญชุมชนและนิทานคุณธรรมเพื่อปลูกฝังเยาวชน และทุนทางสังคมที่เข้มแข็ง

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ทำไมการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างยังเกิดขึ้นได้ แม้จะมีกฎหมายมาป้องกัน ?

การคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับงบประมาณของประเทศไทย แม้ภาครัฐพยายามแก้ไข ด้วยการร่าง พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่เน้นหลัก “ความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้” แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่แบบที่คิด

KRAC Insight | การเงินพรรคการเมืองที่เปิดเผยโปร่งใส: โอกาสของไทยในการเข้าร่วม OECD

การเงินพรรคการเมืองที่โปร่งใส คือกุญแจสำคัญสู่ประชาธิปไตยและการก้าวสู่ OECD ชวนอ่านมุมมองจากคุณณัชชาภัทร อมรกุล ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า พร้อมแนวทางยกระดับความโปร่งใสของการเงินพรรคการเมืองไทย