KRAC Around เล่าข่าวคอร์รัปชันจากทั่วโลก I สิงคโปร์เผยเหตุทุจริตคอร์รัปชันปี 2023 ลด จากการนำผู้กระทำผิดมารับผิดตามกฎหมาย

“สำนักงานสอบสวนคดีทุจริตสิงคโปร์” เปิดรายงานสรุปรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันปี 2566 พบเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันลดลง !

 
สำนักงานสอบสวนคดีทุจริต (The Corrupt Practices Investigation Bureau: CPIB) ของสิงคโปร์ได้มีการรายงานสรุปรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในสิงคโปร์ของปี 2566 พบว่าเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันมีจำนวนลดลงจากปี 2565 ถึงร้อยละ 8 โดยจากข้อมูลสถิติของปี 2566 พบว่ามีจำนวนเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันอยู่ที่ 215 เหตุ
 
ทางรัฐบาลสิงคโปร์ยังคงควบคุมสถานการณ์เกี่ยวกับการต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชันอย่างเข้มงวด ผ่านการตรวจสอบ และติดตามเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันจากข้อมูลที่ได้รับ โดยมีการลงทะเบียนเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันเพื่อทำการสอบสวนต่อในปี 2567
 
CPIB ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันพบว่า “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในสิงคโปร์ เป็นภาคเอกชนร้อยละ 86 และภาครัฐร้อยละ 14”
 
ภายหลัง CPIB ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในระดับบุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่และพนักงานภาครัฐ ตลอดจนบุคลากรของหน่วยงานภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือจนทำให้การสอบสวนประสบความสำเร็จ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 84 ทำให้สามารถดำเนินคดีผู้ที่กระทำการทุจริตคอร์รัปชันในปี 2022 ได้ถึง 111 ราย โดยเป็นบุคลากรของหน่วยงานภาคเอกชน 105 ราย และอีก 6 รายเป็นเจ้าหน้าที่และพนักงานภาครัฐ
 
จากการสอบสวนของ CPIB นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ทำให้อัตราการพิสูจน์ความผิดในเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันคิดเป็นร้อยละ 99 ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่แสดงถึงคุณภาพของการสอบสวนเหตุโดย CPIB ในการนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการกฎหมายเพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
 
จากสถิติที่ลดลงของเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในปี 2566 ถือเป็นสัญญาณที่ดี ทั้งนี้เป็นเพราะ “ความจริงจังในการสอบสวน และการลงโทษผู้กระทำผิด” ที่ทำให้คนในสังคมไม่ทำและไม่ทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน
 
แม้ว่าเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในสิงคโปร์จะลดลงแต่ CPIB และอธิบดีกระทรวงการต่างประเทศยังคงยืนยันว่า “จะมุ่งมั่นทำงานร่วมกับประชาชน และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้สิงคโปร์ปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชันทั้งในและระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน”
 
จากรายงานของ CPIB ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการสอบสวนที่นำไปสู่การนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นหากหน่วยงานที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศไทยดำเนินงานอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดำเนินงานอื่น ๆ อย่างครอบคลุมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน และประสานงานร่วมกันกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็อาจทำให้เหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยลดลงเช่นเดียวกับในสิงคโปร์ และทำให้ประเทศไทยปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชันทั้งในและระหว่างประเทศได้
ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง
  • ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

เปลี่ยน Trainees เป็น Rookies ตัวท็อปของวงการ : ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 เพื่อปูพื้นฐานการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 ที่จะช่วยปูพื้นฐานความรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน ผ่านแนวคิดทางวิชาการ และเรียนรู้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

คัดสรรงานวิจัยไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณอาจไม่รู้ (จัก) มาก่อน : ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทย 24 ชิ้น เพื่อทำความเข้าใจการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทยที่ KRAC คัดสรรมาให้คุณ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันภายใต้บริบทของประเทศไทย

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ