
วันที่ 6 กันยายนของทุกปีคือวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย
นับเป็นโอกาสที่สังคมไทยต้องหันกลับมาตั้งคำถามกับปัญหาสำคัญซึ่งกัดกร่อนศักยภาพของประเทศมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ “ปัญหาคอร์รัปชัน” ที่ไม่เพียงเป็นปัญหาทางศีลธรรม แต่ยังสร้างต้นทุนมหาศาลทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
ในปีงบประมาณ 2569 ประเทศไทยได้จัดสรรงบประมาณกว่า 944 ล้านบาท เพื่อแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริต ครอบคลุม 34 หน่วยงานและ 77 โครงการ ซึ่งยังไม่รวมงบประมาณหน่วยงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันโดยตรงอย่าง สำนักงาน ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. ที่มีมากกว่า 1 พันล้านบาท แม้ตัวเลขนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐในการต้านโกง แต่คำถามสำคัญคือ เรากำลังใช้งบประมาณเหล่านี้อย่างถูกทางหรือไม่
เมื่อพิจารณารายละเอียดจะพบว่างบประมาณส่วนใหญ่ยังถูกใช้ไปกับการประชาสัมพันธ์และการปลูกฝังจิตสำนึก เช่น การจัดกิจกรรมรณรงค์หรืออบรม โดยคิดเป็นกว่าครึ่งของงบทั้งหมด ขณะที่งบเพื่อพัฒนาระบบควบคุมและกลไกเชิงโครงสร้างกลับมีไม่ถึงหนึ่งในห้าของงบประมาณ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการเหล่านี้ยังมักประเมินผลจากจำนวนกิจกรรม มากกว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงต่อพฤติกรรมหรือระบบราชการ สิ่งนี้สะท้อนการเน้นเชิงสัญลักษณ์มากกว่าการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
ตรงกันข้าม ประเทศที่สามารถลดคอร์รัปชันได้อย่างยั่งยืนกลับให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบข้อมูลเปิดที่ประชาชนเข้าถึงได้ การพัฒนากลไกตรวจสอบที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเป็นระบบ แล้วจึงตามด้วยการสื่อสารเพื่อเสริมความเข้าใจ ดังนั้น การเลือกเดินในทิศทางตรงข้ามกับประเทศที่ประสบความสำเร็จ อาจทำให้โอกาสปฏิรูปของไทยยังไม่เกิดผลเชิงระบบอย่างที่ควรจะเป็น
การขาดการลงทุนในข้อมูลและเทคโนโลยีนี้ แม้มีความพยายามบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นกลไกเชิงรุก เนื่องจากยังไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามหน่วยงานอย่างจริงจัง อีกทั้งยังไม่มีการจัดทำข้อมูลเปิดที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลงบประมาณ ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง หรือผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้ง ๆ ที่มีงานวิจัยที่ลงรายละเอียดชัดเจนแล้วว่าการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะเพื่อต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศไทยนั้น ควรมีอย่างน้อย 25 ชุดข้อมูล การละเลยมาตรการสำคัญเหล่านี้คือการปิดกั้นโอกาสของภาคประชาชนในการร่วมตรวจสอบและลดทอนศักยภาพของสังคมไทยในการสร้างความโปร่งใส
หากประเทศไทยต้องการผลลัพธ์ที่แท้จริงในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน การปฏิรูประบบงบประมาณคือกุญแจสำคัญ เราจำเป็นต้องหันมาลงทุนในข้อมูลเปิด ระบบตรวจสอบที่มีเทคโนโลยีรองรับ และการสร้างพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ขณะที่การประชาสัมพันธ์และการปลูกฝังควรเป็นเพียงกลไกเสริม มิใช่เป้าหมายหลัก
ประเทศไทยไม่ได้ขาดงบประมาณ แต่ขาดการจัดลำดับความสำคัญและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง หากยังคงเน้นเพียงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ งบประมาณจำนวนมากก็จะกลายเป็นเพียงค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่หากกล้าที่จะปรับทิศทางการลงทุนใหม่ เราจะก้าวข้ามจาก “การทำเพื่อให้ดูว่าเราทำ” ไปสู่ “การลงทุนเพื่อให้เห็นผลจริง” และสร้างสังคมที่โปร่งใสและไม่ทนต่อการทุจริตได้อย่างยั่งยืน

ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค


หัวข้อ
เปลี่ยน Trainees เป็น Rookies ตัวท็อปของวงการ : ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 เพื่อปูพื้นฐานการต่อต้านคอร์รัปชัน
ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 ที่จะช่วยปูพื้นฐานความรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน ผ่านแนวคิดทางวิชาการ และเรียนรู้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน
มาแล้ว !! โอกาสพัฒนาความรู้สู่การต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ
KRAC ชวนทุกคนมาเรียน “หลักสูตรการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันร่วมสมัย” ที่จะพาผู้เรียนมาทำความเข้าใจกับการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาประยุกต์ไปกับหลายศาสตร์หลากมุมมองและมีตัวอย่างกรณีศึกษาให้เรียนรู้ สอดแทรกไปกับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับองค์กรที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันในปัจจุบัน
คัดสรรงานวิจัยไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณอาจไม่รู้ (จัก) มาก่อน : ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทย 24 ชิ้น เพื่อทำความเข้าใจการต่อต้านคอร์รัปชัน
ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทยที่ KRAC คัดสรรมาให้คุณ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันภายใต้บริบทของประเทศไทย
