
แรงงาน-นายจ้าง-รัฐ: ถอดบทเรียนธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันผ่านการเจรจาทางสังคม
แรงงานและการจ้างงานเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจชาติ ทว่าการคอร์รัปชันที่แทรกซึมเข้ามาในรูปแบบที่ซับซ้อนและแยบยลกลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนทั้งสิทธิของแรงงานและเสถียรภาพของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชันที่แฝงมาในบริบทของความสัมพันธ์ระหว่างแรงงาน นายจ้าง และรัฐ
KRAC Extract พาไปเจาะลึกเกี่ยวกับสหภาพแรงงาน (labour unions) และสมาคมนายจ้าง (employers’ associations) ซึ่งมีบทบาทอย่างยิ่งต่อกระบวนการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงต่อการทุจริตหากขาดระบบธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง!
จากรายงานเรื่อง “Labour and employers’ associations, corruption risks and the potential of social dialogues” โดย Gabriela Camacho (2022) ที่นำเสนอถึงความเสี่ยงต่อการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในองค์กรเหล่านี้ พร้อมทั้งพาไปสำรวจศักยภาพของ “การเจรจาทางสังคม” (social dialogue) ในฐานะกลไกสำคัญสำหรับการป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน
จากรายงานพบว่า แม้สหภาพแรงงานจะมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิทธิของแรงงาน แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญกับความเสี่ยงต่อการทุจริตหลายประการ หากขาดความเป็นประชาธิปไตยภายในและการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ
รูปแบบการทุจริตที่เกิดขึ้นในสหภาพเเรงงาน
การทุจริตที่เกิดขึ้นในสหภาพแรงงานมีตั้งแต่การยักยอกทรัพย์สินขององค์กร เมื่อผู้นำแรงงานบางรายใช้อำนาจในทางมิชอบ เช่น การยักยอกเงินกองทุนของสมาชิก การฮั้วกับฝั่งนายจ้าง กรณีที่ผู้นำแรงงานรับสินบนจากนายจ้างแลกกับการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิแรงงาน หรือยอมรับค่าจ้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เพื่อรักษาสัมพันธภาพส่วนตัวกับฝ่ายนายจ้าง การแทรกแซงจากกลุ่มอาชญากร เช่น กรณีที่กลุ่มมาเฟียแทรกซึมเข้าสู่สหภาพแรงงาน ข่มขู่หรือรีดไถจากนายจ้าง และใช้ตำแหน่งเพื่อประโยชน์ส่วนตน รวมถึงความเกี่ยวพันทางการเมือง ที่อาจทำให้สหภาพแรงงานถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจ
เช่นเดียวกับสหภาพแรงงาน ทางฝั่งสมาคมนายจ้างก็มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของภาคธุรกิจ แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่คล้ายกัน โดยเฉพาะในประเด็นของการสมรู้ร่วมคิด ไม่ว่าจะเป็นการสมคบคิดในอุตสาหกรรม ที่หลายกรณีสะท้อนให้เห็นถึงการร่วมมือกันระหว่างบริษัทในสมาคมเพื่อกระทำการทุจริต การล็อบบี้อย่างไม่โปร่งใส สมาคมนายจ้างสามารถเป็นช่องทางในการล็อบบี้นักการเมืองแบบลับ ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การครอบงำนโยบายสาธารณะโดยภาคธุรกิจ และการขาดธรรมาภิบาลภายใน ที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริตซ้ำซาก
ลดความเสี่ยงจากการทุจริตได้ผ่าน “การเจรจาทางสังคม”
อย่างไรก็ดี สหภาพแรงงานและสมาคมนายจ้างสามารถลดความเสี่ยงจากการทุจริตได้ผ่านการสร้างระบบธรรมาภิบาลภายใน เช่น การเลือกตั้งอย่างโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน การฝึกอบรมด้านจริยธรรม การกำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริต เช่น จรรยาบรรณขององค์กร นโยบายไม่รับของขวัญและผลประโยชน์ทับซ้อน ตลอดจนการส่งเสริมการใช้กลไกผู้แจ้งเบาะแส (whistleblowing) ในการร้องเรียนเมื่อพบเห็นการทุจริต
อีกหนึ่งกลไกที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ “การเจรจาทางสังคม” ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องมือแก้ไขข้อขัดแย้งของแรงงานเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นพื้นที่ริเริ่มมาตรการต่อต้านคอร์รัปชัน โดยอาศัยฉันทามติระหว่างรัฐ นายจ้าง และแรงงาน
ตามคำจำกัดความขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) การเจรจาทางสังคม หมายถึง กระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล การปรึกษาหารือ และการเจรจาต่อรองระหว่างตัวแทนของรัฐบาล นายจ้าง และแรงงานในประเด็นนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในระดับชาติ ท้องถิ่น หรือภาคส่วน โดยอาจเป็นการเจรจาแบบไตรภาคี (tripartite) หรือทวิภาคี (bipartite) ก็ได้
กลไกหลักของการเจรจาทางสังคมประกอบด้วย การให้ข้อมูล การปรึกษาหารือ การเจรจา และการแก้ไขข้อขัดแย้ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างฉันทามติ ลดความไม่สมดุลของอำนาจระหว่างแรงงานกับกลุ่มทุน และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่ตั้งอยู่บนฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ การเจรจาทางสังคมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ประเด็นเรื่องของค่าจ้างหรือสิทธิแรงงานเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายครอบคลุมไปถึงการออกแบบนโยบายสาธารณะ โดยเฉพาะหากสามารถบูรณาการประเด็นเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันเข้าไปได้ ก็จะช่วยเสริมสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบในทุกระดับ
ในการนี้ สมาคมนายจ้างและสหภาพแรงงานสามารถใช้เวทีการเจรจาทางสังคม เป็นพื้นที่ร่วมเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน โดยอาจร่วมกันกำหนดมาตรการเฉพาะ เช่น การประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน การจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) การกำหนดหลักเกณฑ์ร่วม และการตั้งระบบติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของสมาชิกในเครือข่าย
ในทำนองเดียวกัน การเจรจาทางสังคมก็ยังได้เปิดพื้นที่ให้รัฐได้พูดคุยกับตัวแทนแรงงานและนายจ้าง ซึ่งต่างก็มีจุดยืนร่วมกันในการผลักดันให้เกิดความโปร่งใสและลดปัญหาคอร์รัปชัน อีกทั้งเมื่อเกิดข้อตกลงต่าง ๆ ขึ้น รัฐย่อมมีภาระหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตาม ซึ่งทำให้กระบวนการนี้กลายเป็นกลไกเชิงสถาบันที่สามารถผลักดันมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและมีความชอบธรรม
ท้ายที่สุดแล้ว การจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันจำเป็นต้องอาศัยพลังจากทุกภาคส่วน เพราะการต่อต้านคอร์รัปชันไม่ใช่ภารกิจของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่คือการร่วมกันออกแบบกติกากลางที่ยุติธรรม โปร่งใส และทุกฝ่ายยินดีจะยึดถือ และความโปร่งใสที่แท้จริง จะต้องเริ่มต้นจากโต๊ะเจรจาที่ทุกเสียงมีความหมายเท่ากัน!
คอลัมน์ “KRAC Extract” สกัดองค์ความรู้ที่จับต้องได้ผ่านการศึกษาสถานการณ์คอร์รัปชันโลกที่จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันในระดับสากล เจาะลึกรายงานจากแหล่งข้อมูลนานาชาติ และวิเคราะห์ประเด็น Hot ที่โลกกำลังจับตา เพราะคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และการเรียนรู้บทเรียนจากต่างประเทศคือหนึ่งในกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
เรียบเรียงโดย ธนากาญจน์ กันทอง
ผู้ช่วยนักวิจัย และฝ่ายสื่อสารองค์ความรู้
หัวข้อ
มาแล้ว !! โอกาสพัฒนาความรู้สู่การต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ
KRAC ชวนทุกคนมาเรียน “หลักสูตรการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันร่วมสมัย” ที่จะพาผู้เรียนมาทำความเข้าใจกับการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาประยุกต์ไปกับหลายศาสตร์หลากมุมมองและมีตัวอย่างกรณีศึกษาให้เรียนรู้ สอดแทรกไปกับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับองค์กรที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันในปัจจุบัน
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ไขแนวคิด พิชิตความสำเร็จของหน่วยงานรัฐ ในการสร้างธรรมาภิบาล ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
สร้างความสำเร็จในหน่วยงานด้วย “หลักธรรมาภิบาล” ตามแผน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมีตัวอย่าง 6 หน่วยงานรัฐไทยที่ไขแนวคิด พิชิตความสำเร็จในการสร้างธรรมาภิบาล…ปัจจัยความสำเร็จเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง ? และผลลัพธ์ของการมีธรรมาภิบาลจะเป็นเช่นไร ? มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิด-19 ส่งผลอย่างไรต่อสถานการณ์คอร์รัปชันและธรรมาภิบาล ?
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สุขภาพและเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ เช่น การใช้อำนาจพิเศษของรัฐ ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น และการจัดซื้อจัดจ้างแบบฉุกเฉินที่เสี่ยงต่อการทุจริต แล้วเราจะฟื้นฟูผลกระทบเหล่านี้ได้อย่างไร ?