KRAC Insight | จุฬา – ACT เปิดตัว ‘Corruption Watch’ ชูแนวคิด ‘ฟ้องโกง ถูกจุด ทันใจ’

จุฬา – ACT เปิดตัว ‘Corruption Watch’ ชูแนวคิด ‘ฟ้องโกง ถูกจุด ทันใจ’


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (17 ก.ย. 2568) Chulalongkorn University ร่วมกับ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน หนึ่งในเครือข่ายการต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไทย จัดงาน Chula the Impact ครั้งที่ 35 เปิดตัวช่องทางต้านโกง LINE ‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ’ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ที่สามารถรายงานการทุจริตได้ทุกที่ ทุกเวลา และสร้างความปลอดภัยผ่านการปกปิดตัวตนของผู้แจ้งเบาะแสภายใต้แนวคิด ‘ฟ้องโกง ถูกจุด ทันใจ’

 

ภายในงานมีการเสวนาถึงแนวคิดดังกล่าวผ่านมุมมองของวิทยากรทั้ง 4 ท่าน ประกอบด้วย ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) รศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค หัวหน้าโครงการวิจัยฯ จาก คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  คุณฐิติวรดา เอกบงกชกุล ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. และคุณวิชัย นะสุวรรณโน รองผู้อํานวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน – CODI ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะของการสร้างการมีส่วนร่วมในสังคมให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้จริง

อ.มานะ ชี้ต้องทำให้การแจ้งเบาะแสการทุจริตง่ายขึ้น

เริ่มจาก ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึง ปัญหาคอร์รัปชันที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเทียบจากดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index: CPI) สังเกตได้จากคะแนน CPI ของประเทศไทย ปี 2567 อยู่ที่ 34 คะแนนจาก 100 คะแนน ขณะที่ค่าเฉลี่ยจาก 180 ประเทศทั่วโลกอยู่ที่ 43 คะแนน โดยได้เน้นย้ำถึงประเด็นของการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่ไม่มีการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องปรามการทุจริตอย่างจริงจัง

อีกทั้งการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนต่อเรื่องดังกล่าวยังถูกจำกัดเป็นวงกว้าง แม้จะมีหน่วยงานรับผิดชอบเยอะ แต่ขาดการรวมศูนย์ สร้างความสับสนให้กับประชาชน และบ่อยครั้งที่ผู้แจ้งเบาะแสได้รับจดหมายตอบกลับมาว่า ร้องเรียนผิดหน่วยงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการลดทอนแรงจูงใจอย่างหนึ่งของประชาชนในการแจ้งเบาะแส จึงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขต่อไปเพื่อทำให้การแจ้งเบาะแสการทุจริตนั้นง่ายขึ้น

คุณวิชัย เเนะควรปลูกฝังพลเมืองให้มีความตื่นรู้เรื่องคอร์รัปชัน

ขณะที่ คุณวิชัย นะสุวรรณโน รองผู้อํานวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวถึงความพยายามในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันใน 4 มิติของชุมชนในปัจจุบัน คือ

  1. การเชื่อมโยงเครือข่ายในการเฝ้าระวังการทุจริตในพื้นที่ 
  2. การทำแผนปฏิบัติการป้องกันและต่อต้านการทุจริตของภาคประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ซึ่งจะทำให้ชุมชนทำงานเป็นระบบมากขึ้น
  3. การจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและต่อต้านการทุจริตในพื้นที่
  4. การจัดทำเครื่องมือเพื่อให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสโดยมีกล่องรับเรื่องร้องเรียนเเละแจ้งเบาะแสแล้วให้ผู้นำที่รับผิดชอบทำหน้าที่ตรวจสอบ และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท.

สุดท้ายนี้ คุณวิชัย นะสุวรรณโน มองว่า การผลักดันให้กระบวนการของชุมชนและการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นได้นั้น ต้องสร้างความหวงแหนและความรู้สึกของการเป็นเจ้าของภาษีให้มากขึ้น ตลอดจนสร้างความเป็นพลเมืองตื่นรู้ในสังคมเกี่ยวกับผลกระทบของการคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดการรับรู้และมีส่วนร่วมในการป้องกันและต่อต้านการคอร์รัปชันในพื้นที่

จากงานวิจัย สู่การพัฒนา ‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ’ 

ด้าน รศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค หัวหน้าโครงการวิจัยพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมทางสังคมเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศการต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศไทย ที่ได้รับทุนอุดหนุนการทำวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2567 จนนำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมทางสังคม ชื่อ ‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ’ ในระยะต่อเนื่อง ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และ HAND Social Enterprise เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานของภาคส่วนต่าง ๆ ในระบบนิเวศของการต่อต้านคอร์รัปชัน

รศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ได้กล่าวเสริมถึงแนวคิดที่วิทยากรทั้งสองท่านได้กล่าวมาว่าเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน โดยมองว่าสังคมไทยต้องมีการสร้างระบบนิเวศของการต่อต้านการคอร์รัปชัน ผ่านปัจจัยทั้ง 3 ประการ คือ บริบททางสังคมในการปลูกฝัง ป้องกัน และเปิดโปง ถัดมาคือ การมีระบบผ่านข้อมูลเปิด กระบวนการแจ้งเบาะแสที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพและนำข้อมูลเปิดมาใช้ในกระบวนการดังกล่าวมากขึ้น และสุดท้ายคือ มนุษย์ ที่จะสนับสนุนการทำงานของภาคประชาสังคมผ่านการสร้างความเชื่อมั่นสาธารณะ

อย่างไรก็ดี จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยทั้งสามยังขาดความเชื่อมโยงและมีการทำงานแบบแยกส่วนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การสอดประสานของการสร้างระบบนิเวศไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ โดยคำตอบของการศึกษาดังกล่าวคือ การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยให้มนุษย์เข้าถึงระบบและไปแก้ไขบริบททางสังคม

 

จากโจทย์ดังกล่าว คณะผู้วิจัยได้ร่วมมือกับเครือข่ายจัดกระบวนการมีส่วนร่วมกับกลุ่มประชาชนตื่นรู้ กลุ่มนักข่าวสืบสวนสอบสวน และกลุ่มผู้กำหนดนโยบาย จำนวนกว่า 450 คน จากหน่วยงาน/องค์กรหลายภาคส่วน เพื่อหนุนเสริมการเชื่อมโยงข้อมูลการแจ้งเบาะแส การเผยแพร่ความรู้ด้านการแจ้งเหตุ และการประสานเครือข่ายระหว่างภาคประชาสังคม ภาครัฐ และสื่อมวลชนให้เป็นระบบ

‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ’  ทำอะไรได้บ้าง

โดยมุ่งเน้นการผลักดันระบบแจ้งเบาะแสที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับการพัฒนากลไกติดตามตรวจสอบภาครัฐ ผ่านนวัตกรรมทางสังคมที่มีชื่อว่า LINE ‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ (@corruptionwatch)’ ขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาหลัก คือ การแก้ไขปัญหาช่องทางที่ซับซ้อนจากที่ผ่านมาที่ประชาชนเข้าไม่ถึงกระบวนการแจ้งเบาะแสเพราะไม่รู้ว่าจะไปเริ่มจากตรงไหน เริ่มที่ใคร และเริ่มอย่างไร

 

ซึ่งตัวระบบจะเข้ามาคัดกรองข้อมูลการแจ้งเบาะแส และวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจของหน่วยงานไหน พร้อมขอข้อมูลเอกสารเพื่อประกอบการแจ้งเบาะแสตามที่หน่วยงานนั้น ๆ ระบุไว้ ทั้งนี้ หากมีการขอข้อมูลเพิ่มเติมยังมีการแจ้งสถานะกลับไปยัง Line ของผู้แจ้งให้ทราบถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลที่ส่งไปอีกด้วย


นอกจากนี้ ระบบยังมีการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้แจ้งเบาะแสเพื่อปกปิดข้อมูลของเจ้าของเรื่องที่แจ้งเบาะแส อันจะเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยและป้องกันการถูกคุกคามต่อไป อีกทั้ง ภายหลังจากส่งเรื่องไปยังหน่วยงานผู้รับผิดชอบแล้ว ระบบจะติดตามสถานะของคำร้องเรียนเพื่อให้ผู้แจ้งมั่นใจได้ว่าเรื่องของตนยังไม่ถูกละเลย และจะขยายผลข้อเท็จจริงต่อไปยังหน่วยงานการตรวจสอบการทุจริตในหลายภาคส่วน รวมถึงภาคประชาสังคม เช่น ต้องแฉ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน COST Thailand และเครือข่ายสื่อมวลชนอื่น ๆ ต่อไป

ปปช. พร้อมให้ความร่วมมือ รับเรื่องเเละตรวจสอบเบาะเเสจาภภาคประชาชน

ในตอนท้ายคุณ ฐิติวรดา เอกบงกชกุล ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวเสริมถึงความท้าทายของการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันจาก Traditional Corruption เป็น Systematic Corruption สู่การปราบคอร์รัปชันในรูปแบบเทคโนโลยีว่า เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องสร้างความพยายามร่วมกัน ทั้งจากชุมชนที่พยายามสร้างความตระหนักสู่การเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ และการนำนวัตกรรมเพื่อสังคมอย่างแชตบอตต้านโกง ‘Corruption Watch’ ผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่ปัจจุบันประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายมาหนุนเสริมบทบาทในการมีส่วนร่วมแจ้งเบาะแสของภาคประชาชน

สำหรับบทบาทของ สำนักงาน ป.ป.ช. ปัจจุบันมีสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางของภาครัฐที่จะเข้ามารวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่มีการร้องเรียนถึงกระบวนการทุจริต และนำไปขยายผลในทางปฏิบัติต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในพื้นที่เครือข่ายที่ ป.ป.ช. มีประจำอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค ที่อยู่ประจำภาค 9 ภาคต่อไป

 

โดยขอเน้นย้ำว่า ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานกลางของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ได้มีการทำงานกับทุกหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียน และไม่มีการปิดกั้นหากผู้แจ้งเบาะแสจะใช้ช่องทางใดในการยื่นร้องเรียนดังกล่าว

รวมพลังสร้างระบบนิเวศการต่อต้านคอร์รัปชัน

การพัฒนานวัตกรรมทางสังคมอย่าง LINE Chatbot ‘Corruption Watch แชตฟ้องโกง ทันใจ (@corruptionwatch)’ ถือเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 มาจนถึงปัจจุบัน จากความร่วมมือของหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กองทุนรวมคนไทยใจดี กองทุนสื่อเพื่อความยุติธรรมในสังคม สำนักข่าวอิศรา HAND Social Enterprise คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ สำนักงานการวิจัยเเห่งชาติ (วช.) และภาคีเครือข่าย อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงาน ป.ป.ช.

ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการเชื่อมโยงภาคประชาชน ประชาสังคม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและการตระหนักรู้ของสังคมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมไล่เรียงตั้งแต่เรื่องเล็กสู่เรื่องใหญ่ในสังคมให้เกิดขึ้น โดยถือเป็นแรงผลักดันหนึ่งที่นอกจากจะช่วย “ป้องก่อนปราม” การทุจริตแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังการเป็นพลเมืองของสังคมในการเข้าร่วมแจ้งเบาะแสและไม่ทนต่อการทุจริตคอร์รัปชันให้เกิดขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ เครื่องมือดังกล่าวเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านการแจ้งเบาะแสได้แล้วที่ LINE Official Account: @corruptionwatch หรือหากต้องการติดตามเบาะแสสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://cs.actai.co/

เพราะการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันนั้น ไม่ใช่การวิ่ง Sprint ระยะสั้นด้วยความเร็วสูงสุด แต่เป็นการวิ่งมาราธอนระยะยาว ที่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความต่อเนื่องของการแก้ไขปัญหาที่ทุกฝ่ายและทุกภาคส่วนต้องช่วยกันขับเคลื่อน และร่วมสร้างระบบนิเวศเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชันให้สามารถวางรากฐานและปักหลักได้อย่างแท้จริงในสังคมไทย

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
20 กันยายน 2568
ผู้แต่ง

ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันเเละส่งเสริมธรรมาภิบาล

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย I มันจบแล้วครับ…(ถ้า) นาย (โกง) : รู้จักกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะทุจริต

การแจ้งเบาะแส เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่สามารถลดการคอร์รัปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคงไม่มีใครให้มีข้อมูลเชิงลึกได้เท่า “คนใน” องค์กรเอง แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนในองค์กรไม่กล้าให้แจ้งเบาะแสทุจริต คือ “ความกลัว”

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รู้จัก 3 แนวทาง Support ผู้แจ้งเบาะแสทุจริต

ยิ่งมีคนแจ้งเบาะแสมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีการตรวจสอบและช่วยนำคนผิดมาลงโทษมากเท่านั้น แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนที่มีข้อมูลไม่อยากแจ้งเบาะแส เพราะกลัวว่าถ้าแจ้งไปแล้วก็อาจจะโดนกลั่นแกล้ง

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รางวัลแด่คนช่าง “แจ้ง”

กุญแจสำคัญที่จะช่วยจัดการคอร์รัปชันได้ คือ “การมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส” เพราะถ้าทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนมีส่วนร่วมในการช่วยตรวจสอบคอร์รัปชันภายในหน่วยงานรัฐ ช่วยกันแจ้งเบาะแส จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐรู้สึกกดดัน กลัวจะถูกจับได้และไม่กล้าคอร์รัปชัน ภาครัฐจึงมีความพยายามอย่างมากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน

You might also like...

การรับสินบนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

งานวิจัยชี้ว่าปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ใน อปท. มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านความซื่อสัตย์สุจริต ปัจจัยด้านการเมือง และด้านตำแหน่งหน้าที่ที่เอื้อให้เกิดการรับสินบนตามลำดับ

บทความวิจัย | กระบวนการขับเคลื่อนเครือข่ายการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม อปท. และสถานศึกษาในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลสู่สังคมปลอดคอร์รัปชันใน จ. นครราชสีมา

ศึกษากรณีศึกษาตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน และตำบลพระพุทธ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อหารูปแบบที่ปฏิบัติได้จริงในการสร้างสังคมปลอดคอร์รัปชัน พบว่า ต้องอาศัยการมีผู้นำที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และทุนทางสังคมที่เข้มแข็ง ได้เเก่ การมีธรรมนูญชุมชนและใช้นิทานคุณธรรมเพื่อปลูกฝังเยาวชน

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 7 เหตุผลของคนทุจริต: ชวนสำรวจปัจจัยที่ “ส่งผลมาก” ในการเรียกรับสินบน

สำรวจปัญหาการรับสินบนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านงานวิจัยล่าสุด พร้อมเจาะลึกปัจจัยที่ก่อให้เกิดสินบนและแนวทางป้องกันในระดับท้องถิ่น เพื่อยกระดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในหน่วยงานรัฐ