เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เวที The Standard Economic Forum 2025 ในหัวข้อ “พิมพ์เขียวแห่งความเชื่อมั่น ออกแบบอนาคตไทยไร้คอร์รัปชัน”
ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนร่วมเสวนา ได้เเก่
- ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
- รศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค (KRAC)
- คุณศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ผลักดันแนวคิด Integrity by Design
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เปิดวงสนทนาด้วยการชวนพวกเราทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชันในฐานะอาการป่วยไข้ของระบบโครงสร้างทางสังคมของประเทศไทย ซึ่งนับวันอาการจะหนักขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.กิตติพงษ์เล่าว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้ สิ่งสำคัญคือ การผลักดันแนวคิด Integrity by Design หรือการฝังความซื่อสัตย์ไว้ในกติกาและกระบวนการ เพราะหากระบบยอมให้ผู้กระทำผิดอยู่รอดได้เป็นสิบปีโดยไม่ถูกลงโทษ แปลว่าเราออกแบบระบบผิดทิศ
จุดตั้งต้นจึงไม่ใช่ไล่จับทีละราย แต่ทำให้ระบบ “โกงไม่ได้” หรืออย่างน้อย “โกงได้ยากมาก” พร้อมเดินคู่กับหลักนิติธรรม ที่เป็นรากฐานของทุกเรื่อง หากนิติธรรมไม่มั่นคง ประชาธิปไตยก็อ่อนแรง และการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะก็ไร้เขี้ยวเล็บ
ตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนทิศทางนี้คือ แนวคิด Open Government ของรัฐบาลสหรัฐฯ สมัยบารัค โอบามา ที่เน้นการเปิดเผยข้อมูลในรูปแบบที่ข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เปิดข้อมูลทุกชนิดเป็นพื้นฐานแล้วค่อยเลือกปิด รวมถึงเปิดทางให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้จริง วันนี้สิ่งที่ไทยต้องมีให้พร้อมคือ โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล ที่เชื่อมโยงกัน เข้าถึงง่าย และตรวจสอบย้อนหลังได้ เพื่อแปรความโปร่งใสให้กลายเป็นกลไกยับยั้งการทุจริตอย่างเป็นระบบ
เชื่อมโยงชุดข้อมูลต่อต้านคอร์รัปชันจาก 25 หน่วยงาน
ในขณะที่ รศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค (KRAC) ชี้ให้เห็นว่าในห้วง 1 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การเปิดเผยข้อมูลของไทยยังไม่มีความก้าวหน้ามากนัก แต่เราได้เห็นถึงความพยายามของบางหน่วยงานที่จะเพิ่มความโปร่งใสต่อการทำงานมากขึ้น เช่น กรมบัญชีกลางที่พยายามเปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างให้เชื่อมต่อและนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น หรือกรุงเทพมหานครที่พยายามเปิดข้อมูล รวมถึงสร้างระบบการร้องเรียน
อาจารย์ยังขยายภาพให้ชัดขึ้นว่าปัจจุบันฐานข้อมูลภาครัฐไทยกระจัดกระจายอยู่ราว 25 หน่วยงาน นอกจากนั้นแล้วยังไม่เชื่อมต่อกัน ส่งผลให้การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อไม่เกิดประสิทธิภาพมากนัก ฉะนั้นนอกจากเปิดข้อมูลแล้ว การเชื่อมโยงข้อมูลจึงถือเป็นอีกสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งจะช่วยให้ไทยแก้ปัญหาหลายเรื่องที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
เพราะเมื่อข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้เชื่อมโยงกันแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญที่จะได้รับคือ เราจะสามารถพบได้ว่าใครคือผู้ถือผลประโยชน์ที่แท้จริง (Beneficial Ownership) ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่หลายประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ให้ความสำคัญ เพราะช่วยมองทะลุ “เขตสีเทา” ไปถึงเจ้าของเงินตัวจริง
ออกแบบระบบให้คนทำดีทำงานง่ายด้วย
คุณศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เล่าว่าหลายครั้งข้าราชการเลือกที่จะคอร์รัปชันเนื่องจากกฎระเบียบและมาตรฐานที่เป็นอยู่มีความยุ่งยาก ทำงานยาก เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น พวกเขาจึงเลือกที่จะคอร์รัปชันเพื่อให้งานง่ายขึ้น ฉะนั้นเขามองว่าการปรับระบบให้ “การทำดีง่ายกว่าการโกง” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
วันนี้ กทม. ตั้งหน่วยงานกลางรับเรื่องร้องเรียน เสริมด้วยระบบติดตามผล และทำงานร่วมกับ 3 หน่วยงานปราบปรามการทุจริตของรัฐบาล เพื่อยกระดับการตรวจสอบ พร้อมทั้งลดดุลพินิจและการใช้เงินสด ด้วยการปรับรูปแบบบริการประชาชนและการชำระเงินผ่านทางออนไลน์
กรณีของ กทม. ยังสะท้อนข้อเท็จจริงสำคัญว่า เมื่อกระบวนการใช้งบประมาณ “แข็งตัวและซับซ้อน” เกินพอดี ระบบเองกลับผลักให้เกิดพฤติกรรมคดโค้งเพื่อให้การทำงานเดินต่อได้ ทางออกจึงไม่ใช่เพิ่มบทลงโทษอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ขั้นตอนที่ถูกต้อง สั้นกว่า ง่ายกว่า และคุ้มกว่าทางลัดที่ผิด
เดินหน้าสู่อนาคตไทยที่ไว้ใจกันได้จริง
ท้ายที่สุด พิมพ์เขียวแห่งความเชื่อมั่น ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการประสานกันของ 3 แกนหลักคือ
- ระบบกติกาที่ออกแบบให้โกงยาก (Integrity by Design)
- โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยง เปิดเผย และเข้าถึงได้
- หลักนิติธรรมที่มั่นคงไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อสามเสาหลักนี้ตั้งขึ้นอย่างมั่นคง การตรวจสอบของสังคมจะมีพลัง ภาครัฐทำงานโปร่งใส ภาคธุรกิจแข่งขันอย่างเป็นธรรม และประชาชนจะเชื่อมั่นว่า ความดีเดินทางได้รวดเร็วกว่าเส้นทางลัดของคอร์รัปชัน
และนี่คือทางออกที่ยั่งยืนกว่าการไล่จับทีละคดี และเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตไทยที่ไว้ใจกันได้จริง
ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ต้นเหตุการเสียงบประมาณรัฐหลักพันล้าน
“รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด” เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดส่วนหนึ่งเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนและปล่อยปละละเลยรถบรรทุกเหล่านี้
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ประเทศมหาอำนาจ มีแนวทางแก้ปัญหาคอร์รัปชันท้องถิ่นอย่างไร ?
ชวนศึกษารูปแบบองค์กรปกครองท้องถิ่นสหรัฐฯ หนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกที่มีทั้งการเมืองที่มั่นคง เศรษฐกิจที่เข้มแข็ง รวมทั้งมีอิทธิพลต่อโลกในหลายด้าน เช่น วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการคอร์รัปชันได้ดีเป็นอันดับที่ 24 ของโลกจากการจัดอันดับดัชนีการรับรู้การทุจริตขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ตัดจบปัญหาคอร์รัปชัน ผ่านการสร้าง Big Data
Big Data มีความสำคัญอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน เพราะสามารถนำข้อมูลการใช้จ่ายของรัฐที่ถูกจัดเก็บไว้มาวิเคราะห์หาความเสี่ยงในการคอร์รัปชันได้ หากใช้งานข้อมูลให้เป็น จะช่วยอุดช่องโหว่ความเสี่ยงคอร์รัปชันได้


