สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด สำคัญอย่างไร
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นหนึ่งในหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันที่สำคัญในประเทศไทย มีหน้าที่ในการป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริต แต่การมีหน่วยงานส่วนกลางเพียงแห่งเดียว คงไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชันทั่วทั้งประเทศไทยได้
สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้จัดตั้ง สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด เพื่อการกระจายอำนาจและการบริหารราชการแบบเบ็ดเสร็จ ให้เกิดความคล่องตัวและเป็นกลไกในการดำเนินงานและประสานงานระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ
แต่การเชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ ก็ตามมาด้วยปัญหา งานวิจัยเรื่อง “การเพิ่มประสิทธิภาพภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด” โดย ฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2563) ได้ทำการศึกษาการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ซึ่งพบว่าการทำงานร่วมของสำนักงาน ป.ป.ช. ทั้ง 3 ส่วน มีอุปสรรคที่ส่งผลให้การทำงานยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ดังนี้
หนึ่ง ขาดการมีส่วนร่วม
งานวิจัยชี้ว่า ร้อยละ 80 ของแผนงานและโครงการป้องกันการทุจริตถูกกำหนดโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง ขณะที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ทั้งในเรื่องการวางแผน กำหนดเป้าหมาย แผนงาน และการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่ทำได้จริง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาโครงการไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาทุจริตในพื้นที่ และลดโอกาสในการป้องกันการทุจริตได้ตรงจุด
สอง ขาดอำนาจเเละหน้าที่ตามกฎหมายที่เป็นรูปธรรม
งานวิจัยพบว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ภาคและจังหวัด ยังไม่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายรองรับอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับภารกิจป้องกันการทุจริตเชิงรุก ทำให้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ไม่มีความชัดเจน
สำนักงาน ป.ป.ช. ภาคและ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดจึงไม่สามารถลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบเมื่อมีเบาะแสได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และไม่มีกฎระเบียบรองรับการแจ้งเบาะแสจากเครือข่ายเฝ้าระวัง ส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองเรื่องร้องเรียนจากประชาชนได้ทันสถานการณ์
สาม ยังไม่สามารถวัดผลการทำงานเชิงคุณภาพได้
ในด้านการประเมินผลงาน งานวิจัยระบุว่า การดำเนินโครงการในภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาคและจังหวัด ใช้ตัวชี้วัดเชิงปริมาณเป็นหลัก เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ หรือการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งไม่สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันการทุจริตในเชิงคุณภาพได้”
สี่ ปัญหาการจัดสรรงานและทรัพยากรบุคคล
ด้านบุคลากร พบว่ามีอัตรากำลังไม่สอดคล้องกับปริมาณงาน และมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ขาดความเชี่ยวชาญต่อเนื่องและไม่สามารถสร้างเครือข่ายได้อย่างเข้มแข็ง
เสริมพลัง ป.ป.ช. จังหวัด แก้คอร์รัปชันให้ตรงจุด
จากปัญหาที่กล่าวทั้งหมด งานวิจัยได้เสนอแนวทางที่จะทำให้การทำงานชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการยกระดับภารกิจป้องกันการทุจริตให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น
เรื่องแรก งานวิจัยเสนอให้สำนักงาน ป.ป.ช. จัดตั้ง “คณะทำงานวางแผนและกลั่นกรองแผนการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตประจำภาค” ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัด และตัวแทนเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต เพื่อร่วมกันออกแบบแผนงานตามปัญหาในพื้นที่ ก่อนเสนอให้ส่วนกลางพิจารณา
เรื่องต่อมา งานวิจัยเสนอให้สำนักงาน ป.ป.ช. จัดทำคู่มือการดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตเชิงรุกและคู่มือการรับแจ้งเบาะแส เพื่อสร้างแนวทางที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ เช่น จำนวนมาตรการป้องกันการทุจริตที่จัดทำโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ภาคและจังหวัด เพื่อให้สามารถวัดผลการวิเคราะห์ปัญหาและมาตรการที่เหมาะสมได้จริง
และเรื่องสุดท้าย งานวิจัยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. ที่มีแนวปฏิบัติที่ดี ผ่านกิจกรรม เช่น เวทีพี่สอนน้อง กิจกรรมเจ้าพนักงาน ป้องกันการทุจริตที่มีประสบการณ์และมีแนวทางปฏิบัติงาน ที่ประสบความสำเร็จมาถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือการจัดทำบันทึกเวียนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่อื่นสามารถเรียนรู้และประยุกต์ใช้ได้
ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การพัฒนา ป.ป.ช. ให้แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่อยู่ที่การสร้างระบบสนับสนุนที่ชัดเจน ยืดหยุ่น และให้พื้นที่มีบทบาทอย่างแท้จริง
การศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาในการทำงานร่วมกันของสำนักงาน ป.ป.ช. กลาง สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัด เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานวิจัย เรื่อง “การเพิ่มประสิทธิภาพภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด” โดย ฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2563) เท่านั้น ในงานวิจัยยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น แนวคิดการทำงานของสำนักงาน ป.ป.ช. แผนและยุทธศาสตร์การทำงานของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยสามารถอ่านสรุปงานวิจัยได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย
ฉันท์ชนก เจนณรงค์, นางสาวเสาวณีย์ ทิพอุต, นางสาวธีรวรรณ เอกรุณ และเอก ตั้งทรัพย์วัฒนา. (2563). การเพิ่มประสิทธิภาพภารกิจป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หัวข้อ
เปลี่ยน Trainees เป็น Rookies ตัวท็อปของวงการ : ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 เพื่อปูพื้นฐานการต่อต้านคอร์รัปชัน
ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 ที่จะช่วยปูพื้นฐานความรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน ผ่านแนวคิดทางวิชาการ และเรียนรู้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน
มาแล้ว !! โอกาสพัฒนาความรู้สู่การต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ
KRAC ชวนทุกคนมาเรียน “หลักสูตรการส่งเสริมธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันร่วมสมัย” ที่จะพาผู้เรียนมาทำความเข้าใจกับการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาประยุกต์ไปกับหลายศาสตร์หลากมุมมองและมีตัวอย่างกรณีศึกษาให้เรียนรู้ สอดแทรกไปกับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับองค์กรที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันในปัจจุบัน
คัดสรรงานวิจัยไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณอาจไม่รู้ (จัก) มาก่อน : ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทย 24 ชิ้น เพื่อทำความเข้าใจการต่อต้านคอร์รัปชัน
ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทยที่ KRAC คัดสรรมาให้คุณ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันภายใต้บริบทของประเทศไทย