แปลกแต่จริง !! แม้จะมีกฎหมายป้องกัน แต่การทุจริตจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การคอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนับเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับงบประมาณของประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเองก็พยายามแก้ไข ด้วยการร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เพื่อให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับทุกหน่วยงานรัฐ ที่เน้นหลัก “ความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้” แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่แบบที่คิด
งานวิจัยเรื่อง “การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560” โดย ศักรินทร์ นิลรัตน (2566) ได้ศึกษากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการทุจริตตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข
จากสถิติรวม 4 ปี มีเรื่องร้องเรียนรวม 4,180 เรื่อง
จากการศึกษาพบว่า สถิติร้องเรียนหลังมี พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 กลับมีคำร้องเรียนการทุจริตเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ช่วงปี 2562-2564 ดังนี้
ปี 2562: 912 เรื่อง (วงเงิน 165,717 ล้านบาท)
ปี 2563: 742 เรื่อง (วงเงิน 4,806 ล้านบาท)
ปี 2564: 949 เรื่อง (วงเงิน 8,137 ล้านบาท)
ปี 2565: 1,577 เรื่อง (วงเงิน 2,349 ล้านบาท)
จากสถิติรวม 4 ปี มีเรื่องร้องเรียนรวม 4,180 เรื่อง วงเงินทุจริตรวมกันกว่า 181,012 ล้านบาท โดยเฉพาะปี 2565 ตัวเลขคำร้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงขนาดของปัญหา แต่ยังชี้ว่าการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างยังคงฝังรากลึก แม้จะมีมาตรการและกฎหมายใหม่ที่ถูกคาดหวังสูง
แล้วปัจจุบัน การคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้าง เขาทำกันอย่างไร มีอะไรบ้าง?
งานวิจัยได้ศึกษาจนพบว่ารูปแบบการคอร์รัปชันมีทั้งหมด 11 รูปแบบสำคัญ ได้แก่
- แบ่งซื้อแบ่งจ้างโดยมิชอบ
- กำหนดรายละเอียด/คุณสมบัติเพื่อกีดกันหรือเอื้อให้กับผู้รับจ้างบางราย
- อ้างกรณีมีความจำเป็น เร่งด่วน/กรณีพิเศษ/มีความซับซ้อน ที่เป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแข่งขันราคา
- ผู้รับจ้าง ดำเนินงานก่อนมีการจัดซื้อจัดจ้าง
- การสมยอมการเสนอราคา/การฮั้วประมูล
- การจัดซื้อที่ราคาสูงเกินจริง
- เจ้าหน้าที่รัฐมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันกับผู้รับจ้าง/มีส่วนได้เสียในสัญญา
- ดำเนินการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
- เบิกจ่ายเงินล่าช้าเพื่อหวังเงินทอน
- จัดทำเอกสารสัญญาเป็นเท็จ/แก้ไขสัญญาทำให้รัฐเสียเปรียบ
- ควบคุมงานไม่ถูกต้อง/ ตรวจรับงานเท็จ ไม่เป็นไปตามแบบ ไม่ได้มาตรฐาน โดยมีปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการทุจริตในการจัดซื้อ
ที่น่าสนใจคือ บางพฤติกรรม “ถูกกฎหมายแต่เสี่ยงโกง” เช่น การแบ่งซื้อแบ่งจ้างในวงเงินต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อให้สามารถใช้วิธีเฉพาะเจาะจงได้โดยไม่ต้องแข่งขันราคา เป็นการใช้ช่องโหว่ที่กฎหมายเปิดไว้
แล้วทำไมถึงยังโกงกันได้ แม้จะมีกฎหมายมาป้องกัน ?
งานวิจัยสรุปปัจจัยหลักที่ยังเอื้อให้การทุจริตจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นได้ซ้ำซาก โดยผู้เขียนได้สรุปออกเป็น 4 ข้อคือ
- ช่องโหว่จากกฎหมายและระเบียบ ที่ยังเปิดโอกาสใช้ดุลยพินิจหรือเลี่ยงขั้นตอนการแข่งขัน
- ขาดการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
- ระบบอุปถัมภ์และบริบททางสังคม/เศรษฐกิจ ที่ฝังรากลึกในหน่วยงาน
- ขาดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน
แล้วจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง? จากงานวิจัยชี้ว่า “กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ” เพราะระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทยยังมีช่องโหว่สำคัญที่เปิดโอกาสให้เกิดการโกงซ้ำแล้วซ้ำเล่า การแก้ไขปัญหานี้ต้องมุ่งเน้นที่การลดอำนาจการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตีความกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง หรือสร้างข้อกำหนดที่เปิดโอกาสให้เฉพาะบางกลุ่มได้เปรียบ
เสนอกำหนดนโยบายจากปัญหาจริงในพื้นที่
อีกทั้งควรเพิ่มความโปร่งใสในทุกขั้นตอน โดยการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้มากขึ้น รวมถึงการนำข้อมูลจากระบบจัดซื้อจัดจ้างมาใช้ในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคมและลดโอกาสการสมยอมระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการอย่างได้ผล ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ไม่ใช่แค่ “เขียนไว้ในกฎหมาย” แต่ต้องลงมือทำให้เป็นจริงในทุกระดับ เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐไทยปลอดทุจริตได้อย่างแท้จริง
กรณีคำร้องเรียนเกี่ยวกับการคอร์รัปชันการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานวิจัยเท่านั้น งานวิจัยเรื่อง “การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560” โดย ศักรินทร์ นิลรัตน (2566) ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การวิเคราะห์กลโกงและรูปแบบการทุจริตที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเปิดเผยช่องโหว่ของกฎหมายและระเบียบที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแนบเนียน โดยสามารถอ่านสรุปงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย
ศักรินทร์ นิลรัตน์, ศิรินันท์ วัฒนศิริธรรม, สยาม ธีระบุตร และ ศิรินทิพย์ แสงมิ่ง. (2566). การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | หลังฉากความสำเร็จการพัฒนาโครงการ งบประมาณถึงมือชาวบ้านหรือมือใคร ?
ทราบหรือไม่ว่ายังมีอีกหลายโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการพัฒนาชุมชน แต่กลับสูญเปล่า หรือไม่คุ้มค่ากับที่ตั้งใจไว้ ทำให้ชาวบ้านที่ฝันไกลว่าอยากให้ชุมชนพัฒนาแค่ไหน แต่งบประมาณกลับไปไม่ถึง
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รู้จัก “3 พันธมิตร” ต้นตอของการคอร์รัปชันในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐ หมายถึงโครงการก่อสร้างที่มีงบประมาณตั้งแต่ 1 พันล้านบาทขึ้นไป หรือที่เรามักได้ยินว่า “เมกะโปรเจกต์” (Mega Project) และด้วยการที่เป็นโครงการที่มีงบประมาณจำนวนมาก การทุจริตในโครงการประเภทนี้จึงสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับงบประมาณประเทศ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ทำไมบริษัทก่อสร้างไทย อาจเป็นได้แค่ผู้รับจ้างของบริษัทจีน ?
ชวนคาดการณ์การเข้ามาของจีนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ภายใต้กฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2560 โดยงานวิจัยนี้พบว่า อีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทจากจีนอาจสร้างความปั่นป่วนให้อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยไม่น้อยทีเดียว