เมื่อช่วงวันที่ 5 – 10 เมษายน 2567 ณ กรุงอักกรา สาธารณรัฐกานา (Republic of Ghana) ได้มีการจัด “การประชุมระดับภูมิภาคครั้งที่ 14 ของหัวหน้าหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในเครือจักรภพแอฟริกา (The 14th Regional Conference of Heads of Anti-Corruption Agencies in Commonwealth Africa)” ในหัวข้อ “การเสริมสร้างสถาบันและส่งเสริมความโปร่งใส: แนวทางการต่อสู้กับการทุจริตในแอฟริกาของเครือจักรภพ (Strengthening institutions and promoting transparency: A means of fighting corruption in Commonwealth Africa)” เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในทวีปแอฟริกา
จากที่ประชุมได้ระบุว่า “แอฟริกาสูญเสียเงินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการไหลออกของเงินผิดกฎหมาย” หากพิจารณาจากรายงานการพัฒนาเศรษฐกิจในแอฟริกาของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development: UNCTAD) พบว่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แอฟริกาสูญเสียเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ากับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อช่วยเหลือด้านการต่อต้านปัญหาคอร์รัปชันทั้งหมดที่แอฟริกาได้รับมา เช่น การสนับสนุนเงินทุนในการจัดการประชุมระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
โดยการทุจริตคอร์รัปชัน ได้ส่งผลร้ายต่อประเทศต่าง ๆ ทั้งการศึกษา สุขภาพ ความยุติธรรม ประชาธิปไตย ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาของสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพ “ความร่วมมือ” จึงถูกยกมาเป็นประเด็นสำคัญที่มีการพูดถึงในที่ประชุม เนื่องจาก ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นปัจจัยสำคัญในการต่อต้านทุจริตคอรร์รัปชัน ซึ่งถือว่าการประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการรวบรวมผู้เข้าร่วมการประชุมจากประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกาของเครือจักรภพ จนเกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินงานที่ผ่านมา และได้มีการตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชันมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายในงานประชุมยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีต่อสู้กับการทุจริต เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในข้อที่ 16 ผ่านการแลกเปลี่ยนแนวทางการใช้เทคโนโลยีเพื่อการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ให้แก่ประเทศสมาชิกในทวีปแอฟริกาของเครือจักรภพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากการประชุมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นได้ถึง “ความพยายามในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน” ของประเทศในทวีปแอฟริกาของเครือจักรภพ ผ่านการสร้างความร่วมมือในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน และเพิ่มความร่วมมือไปยังหน่วยงานในระดับต่าง ๆ ตลอดถึงการแลกเปลี่ยนแนวทางการใช้เทคโนโลยีเพื่อการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน
ในประเทศไทยได้มี “ความพยายามในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน” เช่นเดียวกับในเครือจักรภพแอฟริกา ที่มีความพยายามในการสร้างความร่วมมือเพื่อต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ระหว่างภาคประชาสังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อย่าง “การประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งที่ 2” นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง “ACT Ai” (https://actai.co) เพื่อช่วยตรวจสอบและป้องกันการทุจริต อย่างไรก็ตามการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทาย เช่น การมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันที่ไทยกำลังเร่งพัฒนาอยู่
ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง
- ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หน่วยงานสนับสนุน
หัวข้อ
Related Content
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เสริมพลัง ป.ป.ช. จังหวัด แก้คอร์รัปชันให้ตรงจุด
เมื่อการทำงานของ ป.ป.ช. กลาง ไม่สอดประสานกับ ป.ป.ช. จังหวัด ต้องจัดการอย่างไร ? KRAC ชวนอ่านงานวิจัยของฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2563) เพื่อยกระดับภารกิจป้องกันการทุจริตของ ป.ป.ช. จังหวัด ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 4 แนวทางสืบสวนคดีคอร์รัปชันของสหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เขาทำอย่างไรกันบ้าง ?
“เปิดเลนส์ข่าวกรอง” ชวนสำรวจแนวทางสืบสวนคดีคอร์รัปชันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในคดีที่ซับซ้อน มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง หรือมีความพยายามปกปิดร่องรอยอย่างเป็นระบบ แต่ละประเทศมีแนวทางอย่างไรบ้าง มาดูกัน
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “เดนมาร์ก” ประเทศที่ยืนหนึ่งเรื่องความโปร่งใส แบบไม่พึ่งพาหน่วยงานต่อต้านทุจริต
หนึ่งในประเทศที่ติดอันดับโปร่งใสเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง “เดนมาร์ก” กลับไม่มีหน่วยงานแก้ปัญหาคอร์รัปชันโดยเฉพาะแบบประเทศไทย
