การเสริมสร้างประสิทธิผลของระบบการให้เบาะแสในประเทศไทยและการส่งเสริมความร่วมมือในระดับพื้นที่ภาคใต้เพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ

พัฒนาและปรับปรุงมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสให้สอดรับกับมาตรฐานสากลและสามารถรองรับ “ต้นทุน” ให้กับผู้แจ้งเบาะแสได้

การแจ้งเบาะแส หรือ “Whistleblowing” เป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยต่อต้านการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิผล แต่การจะทำให้ระบบการแจ้งเบาะแสประสบความสำเร็จได้ นับว่าเป็นเรื่องที่มีความท้าทาย

 

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนา และปรับปรุงมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสให้สอดรับกับมาตรฐานสากลและสามารถรองรับ “ต้นทุน” ให้กับผู้แจ้งเบาะแสได้

 

โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติเกี่ยวกับระบบการแจ้งเบาะแสการทุจริตของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเพื่อเปรียบเทียบกับแนวปฏิบัติของประเทศไทย (เฉพาะในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ท.) รวมทั้งเพื่อศึกษากลไกการเฝ้าระวังการทุจริตในระดับพื้นที่ (เฉพาะจังหวัดสงขลาและพื้นที่ภาคใต้) เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นพื้นที่ปลอดการคอร์รัปชัน (Corruption Free Area)

สรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัย

  • ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ที่เคยออกมาแจ้งเบาะแสหรือกล่าวโทษเกี่ยวกับการทุจริตภายในหน่วยงานภาครัฐ พบว่าในทางปฏิบัติยังมีปัญหาเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส/พยาน โดยผู้ให้เบาะแสยังคงถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยหน่วยงานต้นสังกัด โดยเฉพาะในกรณีที่ถูกกลั่นแกล้งและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งทางออกที่ผู้ร้องเรียนต้องการมากที่สุด คือการได้ย้ายสังกัดหน่วยงาน อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่มีการดำเนินคดี แต่ในทางปฎิบัติ ยังไม่มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการโยกย้ายข้าราชการ (นอกเหนือจากการนำเสนอนายกรัฐมนตรีสั่งการ) รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่บุคคลพึงได้รับจากการออกมาเเจ้งเบาะเเส

 

  • ผลจากการศึกษาการเเจ้งเบาะเเส พบว่าหนึ่งในปัญหาและอุปสรรคของภาคประชาชนในการแจ้งเบาะแสทุจริตในภาครัฐ คือ ปัญหาเรื่องการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส โดยผู้ร้องเรียน หรือผู้ออกมาแจ้งเบาะแส มักได้รับผลกระทบทางลบ เช่น การถูกข่มขู่ หรือการที่ผู้ถูกร้องออกมาฟ้องผู้แจ้งเบาะแสกลับ (Anti-SLAPP) รวมถึงการถูกกลั่นแกล้งที่ทำให้ได้รับผลกระทบทางลบ ไม่ว่าจะเป็นทางจิตใจ ทางร่างกาย และหน้าที่การงาน เป็นต้น หรือในกรณีภาคธุรกิจเอกชน การแจ้งเบาะแสการทุจริตยังเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากยังขาดมาตรการและกลไกการคุ้มครองผู้ให้เบาะแสจากภาคเอกชนที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดความเกรงกลัวถึงผลกระทบทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ และที่สำคัญยังมีการให้ความคุ้มครองลูกจ้างเอกชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเปิดโปงการกระทำความผิดระหว่างเอกชนและรัฐ เช่น การฮั้วประมูล และการติดสินบนต่าง ๆ เป็นต้น

 

  • ผลจากการศึกษาการเเจ้งเบาะแสในภาคธุรกิจเอกชน  พบว่ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ยังเข้าร่วมโครงการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นจำนวนน้อย และมีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า บริษัทธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการแต่อย่างใด ซึ่งทำให้บริษัทอื่น ๆ ขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการ CAC เพราะเกรงว่าจะสูญเสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ และถึงแม้ว่าภาพรวมของความร่วมมือของภาคเอกชนกับการต่อต้านคอร์รัปชันดีขึ้น แต่ปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ยังคงมีอยู่และรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

 

  • ผลจากการศึกษาปัญหาและอุปสรรคในระบบการแจ้งเบาะแสของประเทศไทย สามารถสรุปปัญหาได้ ดังนี้
  1. ปัญหาด้านกฎหมายการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตของประเทศไทยที่ยังขาดการมองภาพรวม (Holistic) และขาดการวางแผนในระยะยาว (Long-term) เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
  2. ความไม่ชัดเจนในหลักเกณฑ์การให้กันเป็นพยาน เช่น หลักการความเป็นตัวการ (Principal) และหลักการพ้นความผิด (Mitigation of Culpability) 
  3. ประสิทธิภาพในขั้นตอนการรับเรื่อง การกระจายเรื่อง และการไต่สวนคดี ทำให้เกิดปัญหาในการประสานงานและการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานจนเกิดความล่าช้า
  4. องค์กรภาคประชาสังคม ยังไม่สามารถเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการติดตาม ตรวจสอบการจัดซื้อจ้างภาครัฐได้เท่าที่ควร ซึ่งสาเหตุอาจมาจากการที่ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ
  • ผลจากการศึกษา สะท้อนว่าประเทศไทย ยังคงต้องเร่งเดินหน้ารณรงค์เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักในความสำคัญของการแจ้งเบาะแส และการเฝ้าระวังการทุจริต โดยหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการต่อต้านการทุจริต ยังจำเป็นต้องพัฒนาปรับปรุงกลไกต่าง ๆ ให้สอดรับกับแนวปฎิบัติของประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะการพิจารณาจัดหมวดหมู่ของบทบัญญัติกฎหมายการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblowing Law) ให้มีความชัดเจนมากขึ้น มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย เข้ากับสภาวการณ์ และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันต่อไป

สรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัย

  • คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาขั้นตอนและกระบวนการการไต่สวน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ดังนี้
  1. ปรับปรุงกฎหมายการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส
  2. ปรับปรุงการให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส 
  3. ปรับปรุงเเนวทางการกันพยาน
  4. ปกปิดอัตลักษณ์ของผู้แจ้งเบาะแส
  5. ส่งเสริมช่องทางการแจ้งเบาะแส
  6. เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการรับเรื่องและการไต่สวน
  7. ส่งเสริมการแจ้งเบาะแสโดยสุจริต
  8. การให้รางวัล
  9. การหนุนเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม เอกชน สื่อมวลชน และเครือข่ายประชาชน
  10. การประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักเป็นวงกว้างถึงความสำคัญในการช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับหน่วยงานภาครัฐในการต่อต้านและเฝ้าระวังการทุจริต
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

วิษณุพงษ์ โพธิพิรุฬห์, อังศุธร ศรีสุทธิสอาด, ศิริรักษ์ สิงหเสม และปริญ นิทัศน์. (2561). การเสริมสร้างประสิทธิผลของระบบการให้เบาะแสในประเทศไทยและการส่งเสริมความร่วมมือในระดับพื้นที่ภาคใต้เพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง
  • วิษณุพงษ์ โพธิพิรุฬห์
  • อังศุธร ศรีสุทธิสอาด
  • ศิริรักษ์ สิงหเสม
  • ปริญ นิทัศน์เอก
หน่วยงาน
หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

ราชการไทยไร้คอร์รัปชัน : การสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐต่อการแจ้งเบาะแสการทุจริต

ศึกษาปัญหาการแจ้งเบาะแสการทุจริตในราชการไทย โดยใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่จากหน่วยงานรัฐส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐและพฤติกรรมการแจ้งเบาะแสการทุจริต

มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชัน

ศึกษากลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันและแนวทางเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา ข้อเท็จจริง และสิทธิเสรีภาพ

You might also like...

KRAC Infographic | ก่อสร้างโกงอย่างไร? สำรวจวิธีโกง ตั้งเเต่ “ก่อ” จน “สร้าง”

KRAC ชวนทำความเข้าใจ “รูปแบบการทุจริตในภาคการก่อสร้าง” ภาคก่อสร้างโกงกันแบบไหน? โครงสร้างอำนาจ-ผู้รับเหมาหน้าเดิม-งบแฝงทำงานอย่างไร?

KRAC Insights I บทเรียนจากอาเซียนว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในยุคดิจิทัล

สรุปบทเรียนจากอาเซียนเกี่ยวกับความโปร่งใสในระบบจัดซื้อจัดจ้างรัฐยุคดิจิทัล พร้อมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญไทย–ฟิลิปปินส์–อินโดนีเซีย–มาเลเซีย ที่ชี้ว่าความโปร่งใสคือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างได้ผล