เพราะปัญหาคอร์รัปชันนั้นข้ามพรมเเดน KRAC จับมือกับภาคีสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ หนุนใช้นวัตกรรมและกลยุทธ์ต่อต้านคอร์รัปชันยุคใหม่
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค (KRAC) คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) Chandler Institute of Governance และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย
ได้จัด “งานประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านนวัตกรรมในการต่อต้านคอร์รัปชันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 (The Third International Conference on Anti-Corruption Innovations in Southeast Asia)” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ออกแบบนโยบาย และผู้ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน จำนวนกว่า 250 ท่านจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา สวีเดน และประเทศไทย รวมถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
โดยในงานได้รับเกียรติจาก คุณสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน และกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน รวมถึงนวัตกรรมใหม่ที่จะมีความสำคัญในการยกระดับการต่อต้านคอร์รัปชันในอนาคต
ตามด้วย ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นกล่าวเพิ่มเติมถึงความสำคัญของแนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นจริง เพื่อสร้างความโปร่งใส และธรรมาภิบาลของประเทศไทยผ่านนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เสริมประสิทธิภาพการตรวจจับและป้องกันปัญหาได้จริง
ทั้งนี้ คุณ Delphine SCHANTZ Regional Representative, UNODC Regional Office for South East Asia and the Pacific ยังได้ขึ้นกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือ และการเชื่อมโยงข้อมูลระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันการทุจริตที่สำคัญ ทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศ
สุดท้าย ดร.ศรีรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก World Justice Project ได้ขึ้นกล่าวเพื่อชี้ให้เห็นว่าปัญหาคอร์รัปชันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงสะท้อนถึงภาวะ “ชะงักงัน” โดยเน้นว่าควรส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเป็นธรรมและความยุติธรรม ตั้งแต่รากฐานของสังคม ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน และการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ภายหลังพิธีเปิด ภายในงานได้แบ่งการประชุมออกเป็น 6 หัวข้อสำคัญ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศทั่วโลกร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี ประกอบด้วย
- ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจสอบโครงการภาครัฐ
- พลังคนรุ่นใหม่และการศึกษาในภารกิจต่อต้านคอร์รัปชัน
- ธรรมาภิบาลและจริยธรรมในภาครัฐ การเมือง และตุลาการ
- ความโปร่งใส ผู้ถือผลประโยชน์ที่แท้จริง และเทคโนโลยีใหม่ – ความเสี่ยงและโอกาส
- การใช้ Open Data เพื่อติดตามนักการเมืองและบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเมือง (PEPs)
- ความซื่อสัตย์และมาตรฐานจริยธรรมในกระบวนการยุติธรรม
การประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติในครั้งนี้ สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่มีความต่อเนื่องและขยายความร่วมมือมากยิ่งขึ้นจากครั้งที่ 1 (2566) และครั้งที่ 2 (2567) สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในปัจจุบันที่มีลักษณะข้ามพรมแดนมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการทุจริต
ดังนั้น เราจึงต้องเร่งเครื่องพัฒนานวัตกรรมการทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันให้มีความเท่าทันสถานการณ์ปัญหามากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
ที่สำคัญกว่านั้น การประชุมครั้งนี้ ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของศูนย์ KRAC ในการเป็นศูนย์กลางของความรู้ และความร่วมมือในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของคนในสังคมที่จะมีส่วนช่วยยกระดับธรรมาภิบาล และสร้างการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การคอร์รัปชันในทางที่ดีขึ้นได้
โดยผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมและโครงการอื่น ๆ ของศูนย์ฯ ได้ที่ Facebook : KRAC Corruption
หัวข้อ
- Anti-Corruption, Open Data For Anti-Corruption
วันที่เผยแพร่
26 สิงหาคม 2568
Related Topic