KRAC x โรงเรียนโปร่งใส | บทสรุปโครงการ School Governance ระยะนำร่อง

จากการต่อยอดงานวิจัย ‘สังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2’ และความร่วมมือของภาคีเครือข่าย โดยการสนับสนุนการดำเนินงานจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นำมาสู่โครงการ ‘ส่งเสริมความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา’ หรือ School Governance (ระยะนำร่อง) ซึ่งเดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว! 

 

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการออกแบบและทดลองจัดกิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความโปร่งใสด้วยธรรมาภิบาลในสถานศึกษา พร้อมทั้งใช้เครื่องมือป้องกันการทุจริตในโรงเรียน เพื่อปลุกจิตสำนึกและการตื่นตัวในการต่อต้านคอร์รัปชันให้เยาวชนอย่างยั่งยืน

ธรรมาภิบาลในโรงเรียนไม่ใช่แค่การรณรงค์ในหลักการ แต่เป็นการสร้างพื้นฐานให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงความสำคัญและแนวปฎิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่ยังเด็ก โดยเรามุ่งหวังให้ ‘โรงเรียน’ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างเยาวชนสู่สังคมที่โปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน ด้วย 3 กลไกหลักในการส่งเสริมธรรมาภิบาล ได้แก่


🔑 OPEN: โปร่งใสด้วยการเปิดเผยข้อมูล
🤝 JOIN: สร้างพลังจากการมีส่วนร่วมของทุกคน
🕵️‍♀️ LEARN: เรียนรู้ในการติดตามตรวจสอบอย่างมีมาตรฐาน

School Governance ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ประโยชน์ของข้อมูลเปิดที่โปร่งใส ฝึกการแลกเปลี่ยนประเมินผล และเข้าใจความสำคัญของการติดตามตรวจสอบ ผ่านการลงมือทำ

แล้วโครงการนี้จะสามารถต่อยอดแนวคิดได้อย่างไร? ธรรมาภิบาลในโรงเรียนจะเกิดได้จริงไหม? ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทสรุปนี้

โครงการนี้ทำอะไรบ้าง ?

โครงการ School Governance ระยะนำร่อง เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนงานภายใต้ กลไกที่ 4: ศูนย์กลางการเรียนรู้เพื่อจัดกิจกรรมการต่อต้านคอร์รัปชัน 

โดยมุ่งมั่นขยายความสำเร็จเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในการส่งเสริมธรรมาภิบาลในสถานศึกษา ผ่านการดำเนินงานและจัดกิจกรรมตามเป้าหมาย 4 ข้อสำคัญ ได้แก่

  1. นำเสนอกิจกรรมและเครื่องมือส่งเสริมธรรมาภิบาลในสถานศึกษา เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และบุคลากรในโรงเรียน มีส่วนร่วมเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่ทำได้จริง และช่วยให้เกิดความตระหนักในการต่อต้านการคอร์รัปชัน 
  2. สนับสนุนการใช้งานข้อมูลเปิด ผ่านเว็บไซต์ schoolgov.actai.co เพื่อให้เด็ก เยาวชน และบุคลากรทางการศึกษา แสดงความคิดเห็นและใช้ข้อมูลอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำไปพัฒนาโรงเรียนต่อ 
  3. ปลุกจิตสำนึกและความตื่นตัวของเด็กและเยาวชน ให้เห็นความสำคัญของความโปร่งใส พร้อมฝึกฝนทักษะการมีส่วนร่วมและตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์
  4. สร้างสื่อความรู้ ที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับธรรมาภิบาลและแนวทางการส่งเสริมความโปร่งใสในโรงเรียน และเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนในวงกว้าง 

ผลลัพธ์สุดปังจากการทำกิจกรรม

ในครั้งนี้ทางโครงการได้คัดเลือกโรงเรียนนำร่อง 3 โรงเรียน เพื่อเข้าไปจัดกิจกรรม ได้แก่

  1. โรงเรียนสระกะเทียมวิทยาคม”สังวรเจษฎ์ประภาคมอุปถัมภ์”
  2. โรงเรียนหอวัง ปทุมธานี
  3. โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์

มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 123 คน และบุคลากรในโรงเรียนประกอบด้วย ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ครู และนักศึกษาฝึกประสบการณ์ แวะเวียนมาสังเกตการณ์และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งหมด 29 คน

ผู้เข้าร่วมกว่า 97% เห็นโอกาสในการขยายผลต่อยอดจากกิจกรรม และนำไปสู่การกระตุ้นการเข้าใช้งานเว็บไซต์โรงเรียนโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นถึง 5,750 ครั้ง หลังการดำเนินโครงการ

กิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงประสบการณ์ให้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบในชีวิตจริง เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกต่อต้านคอร์รัปชันให้กับเด็ก ๆ จึงพัฒนากิจกรรมรูปแบบ Active Learning ที่ ‘ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง’ และเน้นการสร้างการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Experiential Learning) จากการลงมือปฏิบัติจริง ที่จะชวนให้นักเรียนได้วิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว 

 เสียงสะท้อนของนักเรียนโรงเรียนนำร่อง

เมื่อเด็ก ๆ ได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมธรรมาภิบาลในโรงเรียน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ‘ความหวัง’ ในการพัฒนาโรงเรียนให้ดีขึ้น และ นี่คือเสียงสะท้อนส่วนหนึ่งจากนักเรียนโรงเรียนนำร่อง


💬 “การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำให้ได้ฟังมุมมองใหม่ ๆ ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนความคิด”


💬 “ที่ผ่านมารู้สึกแต่ไม่กล้าพูด schoolgov.actai.co เป็นพื้นที่ปลอดภัย ทำให้กล้าสะท้อนความต้องการที่มีต่อโรงเรียนมากขึ้น”


💬 “แนวทางการพัฒนาโรงเรียนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรของนักเรียน พร้อมกับร่วมส่งเสียงสะท้อนความคิดเห็นให้โรงเรียนทราบและร่วมแก้ไขด้วย”


💬 “หลังให้คะแนนโรงเรียน รู้สึกมีความหวังและมีมุมมองต่อโรงเรียนดีขึ้น รวมถึงคิดว่าโรงเรียนจะสามารถพัฒนาต่อให้ดีขึ้นกว่านี้ได้” 

ถอด 8 บทเรียน ส่งเสริมธรรมาภิบาลในโรงเรียน

จากผลลัพธ์ของโครงการ เราได้เรียนรู้ 8 บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมธรรมาภิบาลในโรงเรียน ดังนี้

  1. ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็ริเริ่มสร้างธรรมาภิบาลในโรงเรียนได้ : การสร้างธรรมาภิบาลในโรงเรียนไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโรงเรียนอย่างเดียว แต่นักเรียน ครู หรือบุคลากรคนอื่น ก็สามารถมีส่วนช่วยในการริเริ่มได้ เช่น เริ่มปิดเผยข้อมูลโรงเรียนเพื่อเพิ่มความโปร่งใส ร่วมแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ผ่านเครื่องมือ schoolgov.actai.co
  2. ออกแบบแนวทางการมีส่วนร่วมที่ใช่กับโรงเรียนของคุณ: การส่งเสริมธรรมาภิบาลไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละโรงเรียนควรร่วมกันออกแบบแนวทางที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของตนเอง พร้อมคำนึงถึงข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมที่แท้จริงและยั่งยืน
  3. ตัวแทนรับผิดชอบ = ข้อต่อสู่ความสำเร็จ: การมีตัวแทนรับผิดชอบในการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลในโรงเรียน เป็นเหมือน ‘ข้อต่อ’ ที่เชื่อมระหว่างความต้องการของนักเรียนกับการพัฒนาให้เกิดขึ้นจริง เช่น สภานักเรียนเป็นตัวกลางระหว่างครูกับนักเรียน ที่คอยช่วยส่งเสียงของนักเรียนสู่ครูและผู้บริหาร รวมถึงผลักดันการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในโรงเรียน
  4. สร้างธรรมาภิบาลในโรงเรียนเริ่มได้เลย ไม่ต้องรอโครงการใหม่: การรวมโครงการโรงเรียนโปร่งใสกับโครงการเดิมของโรงเรียนที่มีอยู่แล้ว จะช่วยลดระยะเวลาการเขียนโครงการ และต่อยอดให้เกิดผลสำเร็จได้เร็วขึ้น เช่น ขยายผลจากโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียน โครงการส่งเสริมประชาธิปไตย โครงการโรงเรียนคุณธรรม เป็นต้น
  5. ผู้บริหารร่วมมือด้วย จะช่วยขับเคลื่อนได้ไวกว่า: การเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาโรงเรียน ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหาร ดังนั้นหากผู้บริหารให้ความสำคัญและเข้ามามีส่วนร่วมจะทำให้การพัฒนาโรงเรียนเป็นไปได้จริงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  6. ครู/บุคลากรก็ร่วมเรียนรู้ได้: หน้าที่สร้างธรรมาภิบาล ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของนักเรียน ครูมีบทบาทสำคัญในการอำนวยการเรียนรู้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งในด้านการจัดเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ให้นักเรียนได้คิดได้ลงมือทำ เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และในด้านการแลกเปลี่ยนและเปิดมุมมองให้ครูได้ร่วมเรียนรู้ และมีผลงานต่อยอดหลังการร่วมฝึกอบรมด้วย
  7. หัวใจ คือ ‘ข้อมูลเปิด’ + ‘เทคโนโลยี’: สิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนโรงเรียนให้เกิดความโปร่งใส ต้องเริ่มจากการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน เพื่อเป็นฐานในการคิด วิเคราะห์ และมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลนั้นจะต้องเข้าถึงได้ง่ายและอัปเดตอยู่เสมอ นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อน จะช่วยผลักดันการมีส่วนร่วมของนักเรียนให้ง่ายขึ้น ช่วยลดช่องว่างการสื่อสารระหว่างคนในโรงเรียน
  8. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมได้: ภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคเอกชน ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการผลักดันธรรมาภิบาลในโรงเรียน และร่วมเป็นตัวกลางในการส่งต่อองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ รวมถึงการพัฒนาแนวทางปฏิบัติด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน


ขอขอบคุณโรงเรียนนำร่องทั้ง 3 แห่ง นักเรียน คุณครู และผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่โปร่งใส 

 

ท้ายที่สุด เราหวังว่าโครงการโรงเรียนโปร่งใสจะเป็นแรงบันดาลใจในการจุดประกายการต่อต้านคอร์รัปชันในโรงเรียน และสร้างแรงกระตุ้นให้โรงเรียนสามารถต่อยอดแนวทางการพัฒนาจากโครงการนี้ได้อย่างยั่งยืน

You might also like...