เกมแห่งแรงจูงใจ: เมื่อกฎหมายผ่อนผันโทษ (Leniency Law) ถูกมองผ่านทฤษฎีเกม
KRAC ชวน ผศ. ดร.พีรพัฒ โชคสุวัฒนสกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ชวนเราคิดลึกว่าทำไมกฎหมายแบบนี้จึงซับซ้อน และทำงานเหมือน Prisoner’s Dilemma ที่จูงใจผู้ร่วมขบวนการให้หักหลังกันเอง
เริ่มจากการทำความเข้าใจกฎหมายผ่อนผันโทษที่ไม่ใช่แค่ลดโทษให้ผู้กระทำผิด แต่คือเครื่องมือ ‘เปลี่ยนเกม’ ให้ผู้กระทำผิดเลือกที่จะให้ข้อมูลแทนการเงียบ โดยผศ.ดร. พีรพัฒ ได้ให้เหตุผลว่าทำไมผู้เล่นในเกมคอร์รัปชันจึงอาจเลือก ‘เงียบ’ มากกว่า ‘ให้ข้อมูล’ และเหตุใดแนวคิดแบบ Prisoner’s Dilemma จึงถูกหยิบมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้
ผศ.ดร. พีรพัฒ ยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของกฎหมายนี้ในเรื่องการสร้างแรงจูงใจในการให้ความร่วมมือ และการที่กฎหมายไม่ถูกนำใช้ในทางที่ผิด โดยได้นำเสนอ หลัก 6Cs (Clarity, Commitment, Credibility, Confidentiality, Cooperation & Coordination, Context & Culture) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่รัฐและหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ หากอยากให้โปรแกรมผ่อนผันโทษมีน้ำหนักและมีประสิทธิผล
สุดท้าย ผศ. ดร.พีรพัฒ ได้ให้คำเเนะนำต่อการนำกฎหมายดังกล่าวมาปรับใช้ในคดีทุจริต โดยมีโจทย์ใหญ่ คือ การสร้างกลไก One-Stop-Shop ลดปัญหา Leniency Trap การให้รางวัลผู้แจ้งเบาะแส และการสร้างะบบยุติธรรมที่คนเชื่อถือได้ รวมถึงมีความชอบธรรมให้แก่ผู้บังคับใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ใช่แค่จับ-ปรับ-จำคุก แต่คือ การออกแบบแรงจูงใจ ให้คนเลือกพูดความจริงมากกว่าปกป้องกันและกัน
สามารถคลิกอ่านบทสรุปประเด็นการพูดคุยได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
- Judiciary & Law Enforcement, Anti-Corruption
26 มิถุนายน 2568