การพัฒนาความร่วมมือและยกระดับการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย: ศึกษาประสบการณ์ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ศึกษาประสบการณ์ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เรื่องความร่วมมือและระบบการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ให้เบาะแส (whistleblower) เพื่อเสนอแนะแนวทางป้องกันการทุจริตผ่านประสบการณ์ของประเทศกรณีศึกษาต่อไป และความร่วมมือในการป้องกันการทุจริตระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

งานวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความร่วมมือในการป้องกันการทุจริตระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และศึกษาประสบการณ์ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเรื่องความร่วมมือ และระบบการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ให้เบาะแส (whistleblower) เพื่อเสนอแนะแนวทางป้องกันการทุจริตผ่านทางประสบการณ์ของประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทั้งทางด้านสังคม วัฒนธรรม การเมือง และกฎหมาย

โดยประเด็นสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ คือ การสร้างความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมถึงระบบและกลไกในการป้องกันการทุจริต ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการศึกษาด้านเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริบทด้านสังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และกฏหมาย ตลอดจนการศึกษาภาคสนามด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสัมภาษณ์กลุ่มจากผู้เชี่ยวชาญ 

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • ผลการศึกษาแนวทางการป้องกันการทุจริตจากประเทศญี่ปุ่น สรุปได้ 3 เเนวทาง ดังนี้ (1) แนวทางด้านสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากญี่ปุ่นมีจิตสำนึกทางสังคมที่เรียกว่า “จิตสาธารณะ” หรือ การคำนึงถึง “ผู้อื่น” มากกว่าคำนึงถึงตัวเอง (2) แนวทางด้านระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย ส่งผลให้กรอบความคิดเรื่องพลเมือง ซึ่งถือว่าตนเองเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเป็นเจ้าของประเทศ จึงทำให้เกิดกรอบคิดเรื่องการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of interest) อย่างชัดเจน และ  (3) แนวทางการอภิบาลความร่วมมือ ทำให้กฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านและปราบปรามการคอร์รัปชัน มีความพิเศษตรงที่ไม่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่เฉพาะในเรื่องการทุจริต หากแต่อาศัยกลไกทางด้านกระบวนการยุติธรรมเป็นหลักในการทำงานร่วมกัน
  • ผลการศึกษาแนวทางการป้องกันการทุจริตจากประเทศเกาหลีใต้ พบว่ามีการปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินเพื่อกวาดล้างเครือข่ายอำนาจทุจริต เเละมีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อลดขั้นตอนของกฎระเบียบทางราชการให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นการลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งส่งผลต่อการป้องกันการทุจริต นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้แสดงถึงภาวะของความเป็นผู้นำโดยใช้กลยุทธ์การเปิดเผยทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว ซึ่งเป็นเป็นกุศโลบายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูงปฏิบัติตามในเวลาต่อมา
  • ผลการศึกษาบริบทของประเทศไทยต่อการป้องกันการทุจริต พบว่าสังคมไทยมีวัฒนธรรมยึดมั่นในตัวบุคคล ทำให้คนไทยไม่สนใจหลักการ กฎเกณฑ์และข้อบังคับต่าง ๆ แต่จะพยายามสร้างความสัมพันธ์ หรือยึดโยงตนเอง กับ บุคคลที่มีอำนาจ อีกทั้ง คนไทยยังให้ความสำคัญ และยอมรับระบบอุปถัมภ์ เเละระบบพรรคพวก ซึ่งเป็นเรื่องของการสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ และอำนาจในรัฐ ส่งผลให้บุคคล หรือกลุ่มที่ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ หรือเครือข่าย ไม่ได้รับความยุติธรรม และถูกเลือกปฏิบัติ จนนำไปสู่ความไม่เสมอภาคในสังคม
  • ผลจากการวิเคราะห์บริบทของกลไกของความสำเร็จในการต่อต้านการทุจริตของประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ พบว่ามาตรการต่อต้านการทุจริตของทั้งสองประเทศ ประกอบด้วยแนวคิดหลัก ได้แก่ แนวคิดธรรมาภิบาลความร่วมมือ (Collaborative Governance) แนวคิดการคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริต (Whistleblowers Protection) และแนวคิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of Interests) ซึ่งสามารถนำกลยุทธ์มาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพบริบททางสังคมของประเทศไทยได้
  • ผลการศึกษาความร่วมมือในการป้องกันการทุจริตระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช.และสำนักงาน ป.ป.ช. กับ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อม ตลอดจนองค์กรอิสระ พบว่ามีความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานของภาครัฐไทยและภาคประชาชนน้อยมาก ซึ่งแตกต่างจากการทำงานของประเทศญี่ปุ่น เเละเกาหลีใต้ ที่มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่อต้านการทุจริตกับภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาคประชาชนอย่างใกล้ชิด จนสามารถยกระดับมาตรฐานเพื่อป้องกันการทุจริต และการดำเนินคดี กับ นักการเมืองผู้ดำรงตำเเหน่งระดับสูงและนักธุรกิจได้ 
  • ผลการศึกษา สรุปว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการปราบปรามการทุจริตของทุกประเทศ และปัจจัยสำคัญในการทำให้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพ คือ การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างองค์กรในลักษณะของการธรรมาภิบาลความร่วมมือของแต่ละภาคส่วน ในส่วนของมาตรการป้องกันการทุจริตที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาระบบการให้ความคุ้มครองแก่ผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริต เพราะระบบการให้ความคุ้มครองที่ดี จะสร้างความมั่นใจและทำให้เกิดการเฝ้าระวังจากประชาชน สำหรับข้อเสนอเเนะของประเทศไทย พบว่าการสร้างประชาธิปไตยแบบเข้มข้น (Thick Democracy) เป็นวิธีการยกระดับการป้องกันการทุจริตในไทยได้ โดยเน้นที่การสร้างระบบ และกลไกให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม การบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง การแก้ไขกฏหมายเพื่อลดการผูกขาดทางการตลาด และการใช้ดุลพินิจที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

สมชาย ธรรมสุทธิวัฒน์, อนันต์ เพชรใหม่, นนท์ น้าประทานสุข, นวลจันทร์ แจ้งจิตร และสว่าง มีแสง. (2561). การพัฒนาความร่วมมือและยกระดับการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย: ศึกษาประสบการณ์ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง
  • สมชาย ธรรมสุทธิวัฒน์
  • อนันต์ เพชรใหม่
  • นนท์ น้าประทานสุข
  • นวลจันทร์ แจ้งจิตร
  • สว่าง มีแสง
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

ราชการไทยไร้คอร์รัปชัน : การสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐต่อการแจ้งเบาะแสการทุจริต

ศึกษาปัญหาการแจ้งเบาะแสการทุจริตในราชการไทย โดยใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่จากหน่วยงานรัฐส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐและพฤติกรรมการแจ้งเบาะแสการทุจริต

มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชัน

ศึกษากลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันและแนวทางเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชันที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา ข้อเท็จจริง และสิทธิเสรีภาพ

บทความวิจัย | มาตรการในการให้ความคุ้มครองข้าราชการผู้ใช้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ

คดีเกี่ยวกับการคอร์รัปชันในวงราชการก่อให้เกิดผลเสียต่อการบริหารของรัฐ เพื่อสนับสนุนให้พยานที่เป็นข้าราชการกล้าเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น จึงควรแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อหน้าที่การงานของผู้ให้ข้อมูล

บทความวิจัย | การป้องกันการทุจริต: พยาบาลกับการแจ้งเบาะแสในหน่วยบริการสุขภาพ

การแจ้งเบาะแสของบุคลากรในหน่วยสุขภาพหรือระบบสุภาพเป็นการป้องกันการทุจริต และยังช่วยให้เกิดความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการทำงาน ในการดำเนินการควรมีแนวทางส่งเสริมการแจ้งเบาะแสโดยการปกป้องผู้แจ้งให้เกิดความปลอดภัย และไม่เกิดความยากลำบากในการปฏิบัติงานต่อไป

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!