ศึกษาข้อมูลการพัฒนาสิงคโปร์บนกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และวิเคราะห์ประสบการณ์การพัฒนาในแต่ละมิติเพื่อจัดการต่อความท้าทายในแต่ละช่วงเวลาของการพัฒนาในอนาคต
งานวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลการพัฒนาสิงคโปร์ บนกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ มิติการพัฒนาทางเศรษฐกิจ มิติการพัฒนาทางสังคม รวมถึงการเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของสิงคโปร์ และมิติการพัฒนาทางกายภาพ สิ่งแวดล้อมและมิติธรรมาภิบาลในการพัฒนา และนำมาวิเคราะห์ประสบการณ์การพัฒนาในแต่ละมิติจากกระบวนการพัฒนา การเปลี่ยนผ่านสภาวการณ์ การจัดการต่อความท้าทายในแต่ละช่วงเวลาของการพัฒนา เพื่อเป็นฐานข้อมูลวิจัยประเทศสิงคโปร์เบื้องต้น และเป็นประโยชน์ต่อโครงการวิจัยต่อไปในอนาคต
ผลการศึกษาพัฒนาการของสิงคโปร์ พบว่าปัจจัยหลักส่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ และการก้าวพ้นกับดักทางการพัฒนา คือ การที่ประเทศสิงคโปร์เผชิญกับความท้าทายและความเปราะบางอย่างมีระบบตลอดช่วงของการพัฒนาเศรษฐกิจ แรงผลักดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลรวมทั้งภาคเอกชน และประชาชน มีการสร้างระบบความร่วมมือที่กว้างขวาง และลงลึกทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองภาคประชาชน การศึกษา วัฒนธรรม และการพัฒนาเมือง
ในกระบวนการพัฒนาประเทศสิงคโปร์ พบว่าการเปลี่ยนผ่านแต่ละช่วงเวลา สิงคโปร์ ได้ใช้ความพยายามนำหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนในบริบทที่มีข้อจำกัดด้านกายภาพมาประยุกต์ใช้ ดังนี้
- ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจด้วยการรักษาสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตและมีอนาคตที่สดใส
- ความยั่งยืนทางสังคมด้วยการเตรียมคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีและมีลักษณะที่มีสวัสดิภาพแต่ทุกคน
- ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมด้วยการรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม
- ความยั่งยืนทางแผ่นดินและทะเล ด้วยการใช้สอยพื้นที่ดิน และทะเลในระดับที่มีความเหมาะสม
โดยสังเกตได้ว่ารัฐบาลมีการวางแผน และมีการกำหนดกรอบเวลา ทั้งระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น ที่สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตลอดตามสถานการณ์ภายใน และปัจจัยภายนอก เพื่อให้บรรลุผลดังความมุ่งหมายที่ตั้งไว้ โดยออกแบบนโยบายที่แปลงถ่ายจากระดับแผนสู่ความเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง และชัดเจนในระดับพื้นที่ รวมทั้งมีการคิดเชิงระบบ (Systematic Thinking) ที่ครอบคลุมเชื่อมต่อกับนโยบายในมิติต่าง ๆ อย่างรอบด้าน นอกจากการสร้างระบบ และระเบียบให้เรียบร้อยทางกายภาพแล้ว การสร้างระบบ และระเบียบเพื่อความสงบเรียบร้อยทางสังคม ก็เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเมือง เพื่อดำรงรักษาเสถียรภาพของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
กล่าวโดยสรุป จากการศึกษา พบว่าสิงคโปร์ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตนเอง โดยนำบทเรียนจากประเทศที่อยู่รอบด้าน และประเทศที่มีมาตรฐานในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ และพัฒนาเป็นนโยบายที่เหมาะกับบริบทในประเทศ ที่สำคัญสิงคโปร์ไม่นำข้อจำกัดของประเทศมาเป็นอุปสรรคของการพัฒนา แต่กลับนำข้อจำกัดมาเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
การศึกษาวิจัยสิงคโปร์ในครั้งนี้ จึงอาจเป็นก้าวแรกที่ประเทศไทยจะเริ่มทำความรู้จักประเทศสิงคโปร์อย่างลึกซึ้ง โดยไม่มองเพียงแต่ความสำเร็จของสิงคโปร์ แต่มองถึงกระบวนการในการนำมาสู่ความสำเร็จดังกล่าว ทั้งนี้ การเรียนรู้จากประเทศสิงคโปร์ สามารถเป็นการเรียนรู้ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องลอกเลียนนโยบายการพัฒนาทุกอย่าง หากแต่เป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างกรอบในการพัฒนาที่เหมาะสมกับประเทศไทยต่อไป
สมชาย ธรรมสุทธิวัฒน์, อนันต์ เพชรใหม่, นนท์ น้าประทานสุข, นวลจันทร์ แจ้งจิตร และสว่าง มีแสง. (2561). การพัฒนาความร่วมมือและยกระดับการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย: ศึกษาประสบการณ์ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
- เพชรลัดดา เพ็ชรภักดี
- มณเฑียร สติมานนท์
- นันทนุช อุดมละมุล
- พศุตม์ ลาศุขะ
- เวฬุรีย์ เมธาวีวินิจ
หัวข้อ
โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570
ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต
โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป
โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
นำเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันผ่านกระบวนการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โครงการประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบายสาธารณะไทย การวิจัยเพื่อเสริมสร้างนักนโยบายสาธารณะที่ดี
เพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางนโยบายสาธารณะในด้านต่าง ๆ จากมุมมองของประชาชน โดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้านประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน