คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : เมื่อชีวิตมีแค่ทางเลือกที่แย่กับแย่น้อยกว่า: ปัญหามลพิษในประเทศไทยหนักแค่ไหน ?

รู้หรือไม่ว่าในชีวิตประจำวันของคนไทย การตัดสินใจง่ายๆ อย่างการเปิดหรือปิดหน้าต่างกลับสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของคุณภาพชีวิตและปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านทำความเข้าใจปัญหามลพิษในอากาศจากก๊าซเรดอนในอาคาร ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 และความสำคัญของการบริหารจัดการของภาครัฐ ผ่านพฤติกรรมง่ายๆ อย่างการเปิดหรือปิดหน้าต่าง

เมื่อปิดหน้าต่าง เราจะเจอกับ “ก๊าซเรดอน” กัมมันตภาพรังสีที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แผ่รังสีออกมาจากดิน หิน น้ำ ทราย คอนกรีต และปูนซีเมนต์ที่มนุษย์ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ก๊าซเรดอนมักจะสะสมอยู่ในอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี หากสะสมจนมีความเข้มข้นสูงก็จะกลายเป็นพิษและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด (ก๊าซเรดอนเป็นอันดับ 2 ของสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งปอด รองจากการสูบบุหรี่) แน่นอนว่าบ้านและสถานที่ทำงานของเราก็มีก๊าซเรดอนอยู่เช่นกัน แต่ความเข้มข้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดย US EPA หรือสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกาได้ระบุค่ามาตรฐานของก๊าซเรดอนที่มีผลบังคับตามกฎหมายไว้ที่ 4 pCi/L หรือไม่เกิน 150 Bq/m3 ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยในอาคารไม่ควรเกิน 148 Bq m/3 หากมีค่าเกินจากนี้จะต้องรีบหาวิธีลดปริมาณก๊าซเรดอนลงโดยเร็ว อย่างไรก็ตามจากรายงานเกี่ยวกับ Radon The Hidden Hazard in Buildings (ธัชพงศ์ ศรีสุวรรณ, 2549) ระบุว่าแม้ US EPA จะมีการกำหนดค่ามาตรฐานไว้ แต่ US EPA เชื่อว่าไม่มีค่าใดที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับก๊าซเรดอน และค่ามาตรฐานที่ US EPA ระบุนั้นเป็นค่าที่อิงมาจากขีดความสามารถของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ใช้ลดระดับของก๊าซเรดอน ในความเป็นจริงแล้วสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 และกำหนดค่าเรดอนในอาคารต้องต่ำกว่าระดับ 0.2-0.7 pCi L/1 หรือประมาณ 7-25 Bq m/3 แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีทำให้ไม่สามารถบรรลุค่าดังกล่าวได้

สำหรับประเทศไทย ภัยร้ายที่มาจากก๊าซเรดอนยังไม่ถูกพูดถึงในหมู่คนทั่วไปมากนัก แต่มีการศึกษาในแวดวงวิชาการอยู่บ้าง โดยจากการสำรวจและประเมินความเสี่ยงต่อเรดอนภายในและภายนอกอาคารในพื้นที่ชุมชน เขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่าใน 2,161 ครัวเรือน มีค่าก๊าซเรดอนอยู่ในช่วง 9-1,307 Bq/m3 โดยมีระดับความเข้มข้นก๊าซเรดอนเฉลี่ยของจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ระหว่าง 225-268 Bq/m3 ซึ่งเป็นค่าที่สูงกว่าระดับมาตรฐานของ US EPA คือ 148 Bq/m3 นอกจากนี้จากการสำรวจก๊าซเรดอนในอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าสาเหตุสำคัญที่อำเภอสารภีมีอุบัติการณ์เกิดโรคมะเร็งปอดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศนั้นไม่ได้มาจากการสูบบุหรี่ แต่เป็นการสูดดมเอาก๊าซเรดอนเข้าไปในร่างกาย และยังพบอีกว่าถึงแม้ปริมาณของก๊าซเรดอนในอำเภอสารภีจะมีปริมาณที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานของ US EPA แต่ก๊าซเรดอนกลับส่งผลต่ออุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดอย่างมีนัยสำคัญ และยังย้ำให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่าสำหรับก๊าซเรดอนนั้นไม่มีค่าใดที่ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ลักษณะภูมิประเทศในบริเวณอำเภอสารภี ยังมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ประกอบกับความกดอากาศสูง ทำให้ทั้งก๊าซเรดอนและฝุ่น PM2.5 สะสมอยู่ในพื้นที่ใกล้ผิวดิน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบจากมลพิษเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเปิดหน้าต่าง เราจะเจอกับฝุ่น “PM2.5” หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีขนาด 2.5 ไมครอน กล่าวคือเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมถึง 30 เท่า ด้วยขนาดที่เล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เจ้าฝุ่นจิ๋วนี้สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดของเราได้โดยตรง ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง เป็นต้น ในประเทศไทยเราเผชิญกับฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานอยู่ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และเริ่มรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา จากการเก็บข้อมูลของกรมมลพิษในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดถึง 218.6 มคก./ลบ.ม.ตามค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง หรือมากกว่าค่ามาตรฐานที่ WHO กำหนดถึง 43.72 เท่า โดย WHO ระบุว่าค่ามาตรฐานของฝุ่น PM2.5 ไม่ควรเกิน 5 มคก. ลบ.ม. ตามค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อาจจะถือได้ว่านอกจากฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูหนาวแล้ว เราก็ยังมี “ฤดูฝุ่น” เป็นของตัวเองอีกด้วย

เมื่อภายนอกเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ภายในก็ไม่ปลอดภัย

เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่มาจากก๊าซเรดอน เราควรจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ โดย U.S. Centers for Disease Control and Prevention ได้แนะนำให้เราเปิดหน้าต่างเพื่อช่วยระบายอากาศ และระบุว่าหากอาคารมีการระบายอากาศและมีการไหลเวียนของอากาศที่ดีก็จะช่วยลดความเข้มข้นของก๊าซเรดอนได้ ในขณะเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่มาจากฝุ่น PM2.5 WHO ได้ให้คำแนะนำให้เราปิดหน้าต่างเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ในบ้าน เอ้า! แล้วแบบนี้เมื่อถึงฤดูฝุ่นที่เราจำเป็นต้องปิดหน้าต่างในบ้าน นั่นหมายถึงเรากำลังสะสมก๊าซเรดอนไว้ในบ้านที่เราอาศัยอยู่ใช่หรือไม่? และถ้าบ้านของเราไม่มีเครื่องฟอกอากาศก็เท่ากับว่าเรากำลังสูดดมทั้งก๊าซเรดอน และฝุ่น PM2.5 เข้าไปในร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้เราจะพยายามดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแต่เรากลับต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องเลือกระหว่าง เปิดหน้าต่างเพื่อระบาย “ก๊าซเรดอน” หรือปิดหน้าต่างหนี “ฝุ่น PM2.5” คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือ ทำไมเราต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ตั้งแต่แรก? ถึงแม้ว่าจะสามารถลดความเข้มข้นของก๊าซเรดอนและ PM2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ(ในกรณีที่จะลดความเข้มของก๊าซเรดอนจำเป็นต้องใช้ตัวกรองที่เป็นถ่านกัมมันต์เท่านั้น) หรือวิธีการอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตที่แตกต่างกันระหว่างคนรวยที่มีเงินซื้ออากาศบริสุทธิ์ให้ตนเองและคนจนที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่ควรเกิดขึ้นหากรัฐมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

อากาศสะอาดในประเทศไทยสามารถเกิดขึ้นได้จริงไหม?

แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดการแผ่รังสีของก๊าซเรดอนได้ แต่เราสามารถลดฝุ่น PM2.5 เพื่อให้อากาศสะอาดขึ้นได้ และหากอากาศสะอาดขึ้นการจัดการกับก๊าซเรดอนภายในบ้านก็จะทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบัน ภาครัฐกำลังดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และจัดทำร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการออกมาตรการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ แต่ประสิทธิภาพในการบังคับใช้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง เนื่องจากที่ผ่านมา แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้วหลายฉบับ เช่น การออกมาตรการเพิ่มจุดตรวจสอบควันดำ การออกมาตรการห้ามเผาในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งยังมีการทำข้อตกลงในระดับอาเซียนเพื่อจัดการปัญหามลพิษ แต่ภาครัฐกลับไม่สามารถบังคับใช้มาตรการหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่สามารถควบคุมการเผาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในละแวกใกล้เคียงได้ โดยจากข้อมูลของ GISTDA พบว่า ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ประเทศไทยมีจุดความร้อนรวมกันสูงถึง 38,707 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี พ.ศ. 2567 ถึง 1,823 จุด สถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การบริหารจัดการที่ดีไม่ใช่แค่การออกกฎหมาย หรือการให้คำมั่นสัญญาแต่คือการบังคับใช้และลงมือทำให้ประชาชนเห็น สุดท้ายนี้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งผู้เขียนก็หวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็น “อากาศสะอาด” และการบริหารจัดการที่ดีในประเทศไทยสักที

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

ธรีญา อึ้งตระกูล

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : โอกาสและความสำคัญของการกลับคืนเป็นภาคี TI Thailand

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาคของ Transparency International (TI) การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้มีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันไทยจะไม่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการ …

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อัปเดตประชุมวิชาการโลกเรื่องคอร์รัปชัน

เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค Co-Founder บริษัท HAND Social Enterprise ได้รับเชิญไปบรรยายในงานประชุมทางวิชาการ Cambridge Economic Crime ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 40 แล้ว ซึ่งงานนี้ถือได้ว่าเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคอร์รัปชันที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง โดยผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ได้เข้าร่วมบรรยายเกี่ยวกับผลงานวิจัยเรื่องประสิทธิภาพที่แท้จริงของความโปร่งใสในการต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านการศึกษาผลกระทบจากโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency: CoST)

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อยากแก้ปัญหาปากท้องก่อน แต่ถ้าไม่ปฏิรูปตำรวจ ก็แก้ยาก !

ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มืดเทา อาจเป็นคำนิยามวงการตำรวจไทยในปัจจุบัน ? หากเราพูดถึงวงการตำรวจ หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงเรื่องที่ตำรวจดันไปเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นกรณีหมูเถื่อน กำนันนก ทุนจีนสีเทา หรือข่าวอาชญากรรมต่าง ๆ แทนที่จะมองว่า ตำรวจคือผู้ที่รักษาความสงบให้บ้านเมือง และคุ้มครองประชาชนให้รู้สึกปลอดภัย

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!