บทความวิจัย | ความย้อนแย้งของสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่นในประเทศไทยกับปัญหาคอร์รัปชัน

จากการศึกษาพบว่า แม้สหกรณ์ออมทรัพย์ที่เคยได้รับรางวัลดีเด่นก็มีโอกาสเกิดปัญหาคอร์รัปชัน ดังนั้น เพื่อจัดการกับปัญหา จึงควรนำหลักธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาลมาปรับใช้ในการดำเนินงานของสหกรณ์
 

การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีมีวัตถุประสงค์การวิจัย 5 ประการคือ (1) แนวทางการนําหลักธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาลมาใช้ในการบริหารงานของสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน (2) สภาพการบริหารและลักษณะการคอร์รัปชันของสหกรณ์ออมทรัพย์ (3) และค้นหาเหตุปัจจัยของการทุจริตคอร์รัปชันในสหกรณ์ออมทรัพย์ (4) การใช้หลักธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาลในสหกรณ์ออมทรัพย์ (5) ความย้อนแย้งของสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่นในประเทศไทยกับปัญหาคอร์รัปชัน

 

การศึกษานี้ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ได้รับรางวัลดีเด่น จํานวน 2 แห่ง เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง สัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารสหกรณ์ออมทรัพย์  จํานวน 32 คน ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา

 

ผลการวิจัย พบว่า ยังคงมีปัญหาคอร์รัปชันในสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เคยได้รับรางวัลดีเด่น เนื่องจากแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองตนเองและการขาดการตรวจสอบจากภาครัฐ โดย พบว่า กรรมการมีอำนาจมากและมีความสัมพันธ์ในระบบอุปถัมภ์ ทำให้ขาดอิสระในการดำเนินงาน ส่งผลให้การตรวจสอบจากภาครัฐเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ ยังพบว่าการบริหารงานของสหกรณ์นั้นต้องพิจารณาปัจจัยภายใน เช่น ระบบงาน ค่านิยม และจริยธรรม รวมถึงปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวกับการตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและกฎหมาย ดังนั้น การนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ เช่น หลักนิติธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบจึงมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงการบริหารงาน 

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

รุจิพัชร์  กิตติวิวัฒนพงศ์ และกนกรัตน์  ยศไกร. (2559). ความย้อนแย้งของสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่นในประเทศไทยกับปัญหาคอร์รัปชัน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 6(1), 235248.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2559
ผู้แต่ง
  • รุจิพัชร์  กิตติวิวัฒนพงศ์  
  • กนกรัตน์  ยศไกร 
วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เจาะกลโกงลึกเครือข่ายลับ ผู้อยู่เบื้องหลังการทุจริตงบประมาณโรงเรียน

แม้เราจะพูดถึงการปฏิรูปการศึกษามาหลายปี แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่กลับคือเครือข่ายอิทธิพลในระบบการศึกษาที่ทุจริตอย่างเป็นระบบ โดยงานวิจัยนี้ได้เปิดเผยกลไกผลประโยชน์ระหว่างข้าราชการ นักการเมือง และธุรกิจ พร้อมเสนอแนวทางสร้างความโปร่งใสเพื่อยุติวงจรคอร์รัปชันในวงการศึกษาไทย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | มาตรการลดโกงที่เข้มข้น อาจ “เพิ่มภาระ” ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้

การสร้างมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เข้มข้นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฎระเบียบ หรือการบังคับรายงานข้อมูลต่าง ๆ อาจไม่ใช่คำตอบของการแก้คอร์รัปชัน เพราะกฎระเบียบที่ซับซ้อนอาจกลายเป็นภาระและซ้ำเติมปัญหาเดิม ถึงเวลาคิดใหม่ หาทางออกที่โปร่งใสและยั่งยืน

KRAC Insights I ข้อมูลเปิด ทางออกจากเขาวงกตแห่งการคอร์รัปชัน

” Open Data” กุญแจสำคัญแก้คอร์รัปชันไทย!รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผอ.ศูนย์ KRAC ร่วมบรรยายในงาน BOT Symposium 2025 แค่เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส ก็ช่วยประหยัดงบและปิดช่องโกงได้จริง