ผลกระทบขององค์กรธุรกิจจากการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของ ปปช. มาตรา 103/7

ศึกษาประสิทธิภาพของกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทยให้เป็นไปด้วยความรัดกุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปัญหาคอร์รัปชันในการจัดหาพัสดุของหน่วยงานภาครัฐที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินประจำปี เงินกู้ เงินช่วยเหลือ หรือรายได้ของหน่วยงานภาครัฐ ทําให้รัฐเกิดความเสียหาย เพราะมีการสมยอมในการเสนอราคา และมีการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จึงเป็นเป้าหมายของงานวิจัยเรื่องนี้ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกลไกการป้องกัน และแก้ไขปัญหาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทยให้เป็นไปด้วยความรัดกุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องการแกไขปัญหานี้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้แก้ไขใน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม ปี  พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะการออกประกาศฉบับที่ 2 มาตรา 103/7 เพื่อเป็นกลไกในการควบคุมการใช้งบประมาณของหน่วยงานภาครัฐในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้การควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณมีความโปร่งใส คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสําหรับประเทศไทย
  • จากผลการศึกษา เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างการคอร์รัปชันกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานภาครัฐ พบว่างบประมาณกว่าร้อยละ 62.2 ของงบทั้งหมด ถูกจัดสรรให้ 5 กระทรวงสําคัญ ที่เชื่อมโยงกับการถูกร้องเรียนว่ามีการคอร์รัปชันสูง ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ งบกลางของนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม ซึ่งจากการประมาณการคาดว่าโอกาสของความเสี่ยงที่จะเกิดการคอร์รัปชันในงบประมาณรายจ่ายประจําปี พ.ศ. 2557 อยูในราว 2.5 ล้านล้านบาท หากรวมกับโครงการพิเศษต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งมักจะเป็นโครงการประเภทที่ไม่ผานระบบกระบวนการงบประมาณ
  • จากผลการศึกษา ระบุว่าหากต้องการที่จะลดขนาดของการคอร์รัปชันลง จําเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปทางการเมือง เพื่อควบคุมการใช้อํานาจทางการเมืองโดยมิชอบของนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่เรียกว่าการคอร์รัปชันทางการเมือง (Political Corruption) และใช้อํานาจทางการเมืองในการแต่งตั้ง และโยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เรียกว่าการคอร์รัปชันในการบริหารราชการ (Administrative corruption) รวมถึงการใช้อํานาจทางการเมืองสมคบกับข้าราชการประจํา และนักธุรกิจที่เรียกวาการคอร์รัปชันทางด้านเศรษฐกิจ (Economic corruption)
  • จากผลการศึกษา พบว่าเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทย ให้เป็นไปด้วยความรัดกุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ควรพิจารณาให้คู่สัญญาในโครงการจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานรัฐของบุคคล หรือนิติบุคคล จะต้องจัดทำบัญชีรายการรับจ่ายเงินในโครงการดังกล่าว เพื่อยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง คือ กรมสรรพากร และสํานักงาน ป.ป.ช. ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ นอกจากจะมีหน้าที่ประกาศราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละโครงการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จะต้องผ่านขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มของกรมบัญชีกลางอีกด้วย ซึ่งเชื่อวาจะเป็นการควบคุมและตรวจสอบกระแสการเคลื่อนไหวของเงินทั้งสองขาระหว่างผู้ซื้อ กับ ผู้ขายในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน และยังเป็นข้อมูลสําคัญต่อการจัดเกบภาษีของกรมสรรพากรอีกด้วย
  • จากผลการศึกษา ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ 5 ข้อ ดังนี้ (1) การสร้างความพร้อมด้านบุคลากรเรื่องวิธีการปฏิบัติตามมาตรา 103/7 และ 103/8 (2) การปรับปรุงระบบ บช.1 ให้มีมาตรฐานตามหลักบัญชีสากล และเป็นระบบที่ทําได้ง่าย ไม่เป็นภาระของผู้ประกอบการ (3) ควรส่งเสริมมาตรการเชิงบวกของกฎหมายมาตรานี้ มากกว่าการใช้มาตรการเชิงลบ เช่น การมีระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (4) การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกําหนดวงเงินขั้นตํ่าของธุรกรรมตามมาตรา 103/7 เสียใหม่ โดยในระยะเริ่มต้น วงเงินขั้นตํ่าควรอยูที่ 10 ล้านบาท และ (5) ข้อเสนอแนะต่อสัญญาการให้ทุน เพื่อสนับสนุนการวิจัยตามมาตรา 103/7 เสนอว่า มหาวิทยาลัยของรัฐกับมหาวิทยาลัยของเอกชน สมควรที่จะได้รับการปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

สังศิต พิริยะรังสรรค์, รัตพงษ์ สอนสุภาพ และฉัตรวรัญ องคสิงห์. (2557). ผลกระทบขององค์กรธุรกิจจากการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของ ปปช. มาตรา 103/7. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2557
ผู้แต่ง
  • สังศิต พิริยะรังสรรค์
  • รัตพงษ์ สอนสุภาพ
  • ฉัตรวรัญ องคสิงห์
หน่วยงาน
หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อออกแบบยุทธศาสตร์ในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากกรมบัญชีกลาง จำนวน 40,000 โครงการ และนำมาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

แนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริต : ศึกษากรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด

วิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงต่อการทุจริตของกระบวนการควบคุมน้ำหนักของหน่วยงานรัฐ เเละเสนอมาตรการควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

สู่ความชัดเจนในระเบียบธรรมาภิบาล: ประเด็นสืบเนื่องจากกรณีการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น

มุ่งศึกษากฎหมายของไทย ผลของการบังคับใช้กฎหมาย เเละเเนวปฎิบัติที่ดีจากต่างประเทศ เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อเสนอเเนะของไทย เช่น การประกอบกิจการของบริษัทต่างชาติในประเทศไทย

You might also like...

บทความวิจัย : ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี

เมื่อการกระจายอำนาจกลับกลายเป็นการกระจายการทุจริตสู่ท้องถิ่น เพื่อยับยั้งปัญหาคอร์รัปชันในท้องถิ่น จึงต้องส่งเสริมการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล (กรณีศึกษา จังหวัดเพชรบุรี)

KRAC Around เล่าข่าวคอร์รัปชันจากทั่วโลก I UNODC จับมือไนจีเรียจัดทำรายงานการทุจริตในไนจีเรีย ชี้ “การติดสินบนได้รับการยอมรับน้อยลง”

รายงานฉบับนี้มีชื่อว่า “การทุจริตในไนจีเรีย: รูปแบบและทิศทาง (Corruption in Nigeria: Patterns and Trends)” เป็นการสำรวจเกี่ยวกับการรับรู้การทุจริตของประชาชนในประเทศไนจีเรียจากประสบการณ์ของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์แนวโน้มการทุจริต ประสิทธิภาพของกลยุทธ์ และแนวทางการต่อต้านการทุจริตอีกด้วย

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : โกง (เรื่อง) กิน ฉ่ำๆ หม่ำๆ แบดกาย แบดกายหม่ำๆ

เมื่อวันแม่ที่ผ่านมาหลายๆ ท่านคงพาคุณแม่ไปทานข้าว หรืออาจกลับบ้านไปทานข้าวกับคุณแม่และครอบครัว เพราะสำหรับคนไทยแล้ว “อาหารเป็นเรื่องสำคัญ” ดังนั้นในวันสำคัญการนัดรวมตัวกันกินข้าวจึงเป็นเรื่องจำเป็น