ลงมือสู้โกง : เปลี่ยนกรุงเทพฯ ใครทำได้?

ตั้งแต่ช่วงปลายปี’64 ที่ผ่านมาเราคงเห็นแล้วว่าสนามแข่งขันผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเริ่มคึกคัก โดยการทยอยเปิดตัวผู้สมัครของสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงผู้สมัครอิสระ ซึ่งนอกจากประวัติ ชื่อเสียง และความสามารถของผู้สมัครจะเป็นที่น่าสนใจในการใช้เป็นข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯกทม. ของชาวกรุงเทพฯ แล้ว เรื่องนโยบายในการเข้ามาแก้ปัญหารุมเร้าต่างๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะชาวกรุงเทพฯ เองก็คงวาดฝันอยากมีชีวิตดีๆ ที่ลงตัว ตามสโลแกนที่ติดอยู่กลางเมืองที่เราเฝ้ารอให้เป็นจริงมาแสนนาน

นโยบายที่จะสามารถซื้อใจชาวกรุงเทพฯ ได้ ก็คงหนีไม่พ้นการแก้ปัญหาคาใจชาวเมืองที่กวนใจมานานและไม่มีท่าทีจะทุเลาลงเลยแม้ว่าเราจะเปลี่ยน
ผู้ว่าฯมากี่คนแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจุบัน ปี 2565 กรุงเทพมหานครเดินทางมาถึงครึ่งทางของแผนพัฒนาระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2556-2575) เพื่อปลายทางแห่งการเป็นมหานครแห่งเอเชีย โดยวางเป้าหมายการพัฒนาออกเป็น 7 ด้านด้วยกัน ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียวสะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย มหานครแห่งเศรษฐกิจและเรียนรู้ และการบริหารจัดการเมืองมหานคร แต่ในความเป็นจริงนั้นเหมือนเรายังไม่เข้าใกล้คำว่ามหานครเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเรายังคงเห็นปัญหาต่างๆ ทั้งน้ำเน่าน้ำท่วม ขยะล้นเมือง ทางเท้า รถติดปัญหาเหล่านี้ยังก่อกวนการใช้ชีวิตประจำวันของชาวเมืองมาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแก้ปัญหากันถูกจุด ถูกใจชาวเมืองหรือไม่

ผู้ว่าฯคนใหม่ที่จะอาสามาแก้ปัญหาให้ชาวกรุงเทพฯ ได้จริงจำเป็นต้องออกแบบนโยบายการแก้ปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งต้องอาศัยการรวบรวมข้อมูลทั้งจากการลงพื้นที่สัมผัสปัญหาจริงของประชาชน การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และการใช้ข้อมูลย้อนหลังต่างๆ มาวิเคราะห์ ซึ่งการรวบรวมข้อมูลย้อนหลังนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันมีการรวบรวม DATA มาเปิดเผยวิเคราะห์ในหลากหลายรูปแบบ โดยทีม WeVis ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกของปัญหา 5 ด้านของชาวเมืองมาให้เห็นกันชัดๆ เลยว่าปัญหาอะไรเกิดที่เขตไหนบ่อยสุด เริ่มตั้งแต่ 1) ปัญหาน้ำท่วมซึ่งเป็นปัญหาสามัญประจำกรุงเทพฯ ที่อาจจะดูว่าท่วมกันแทบจะทุกพื้นที่ แต่จากข้อมูลในปี 2564 เขตสาทร และดินแดง เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังมากที่สุด 2) ปัญหาน้ำเน่าเป็นปัญหาหลักของชาวคลองเตยที่มีค่า BOD (Biological Oxygen Demand) มากที่สุด 3) มลพิษทางอากาศที่เขตจอมทองซึ่งมีสถิติค่าPM2.5 สูงสุดในปี 2564 4) ปัญหาการขาดพื้นที่สีเขียวที่เขตบางกอกใหญ่มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อคนน้อยที่สุด คือ 2.22 ตร.ม./คน และปัญหาสุดท้ายที่เจอกันอย่างถ้วนหน้าและยังส่งผลต่อการพัฒนาเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน นั่นคือการขาดข้อมูลเปิดจากภาครัฐในการเข้าถึงที่เป็นประโยชน์ของประชาชนโดยเฉพาะเรื่อง “งบประมาณเบิกจ่ายใช้จริง” ที่ยังไม่มีการเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ หลายๆ คนคงอยากรู้ว่าภาษีที่เราจ่ายไปนั้นถูกนำไปใช้แก้ปัญหามากน้อยแค่ไหน โดยทางทีม WeVis ได้ค้นหาข้อมูลงบประมาณการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ทั้ง 4 พบว่าถูกตั้งงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาไว้รวมแล้ว 8.05% ของงบประมาณ กทม. ทั้งหมดแต่เรากลับไม่สามารถค้นหาได้เลยว่างบประมาณเหล่านี้ถูกใช้จริงเพื่อแก้ปัญหาไว้เท่าไร

ถึงแม้การมีส่วนร่วมของประชาชนจากภาครัฐจะยังไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงเท่าไรนัก แต่เมื่อปลายปี 2564 ทีม Punch up และเครือข่ายได้ร่วมกันระดมความเห็นชาวกรุงเทพฯ ว่าถ้าหากมีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณแก้ปัญหากรุงเทพฯ ได้ อยากนำไปแก้เรื่องไหนมากที่สุด ผลสำรวจความเห็นของประชาชน 4 อันดับแรกจากเว็บไซต์ “Bangkok budgeting อยู่เมืองนี้ต้องรู้เยอะ” ชี้ว่าอยากให้นำไปแก้เรื่องพัฒนาทางเท้ามากสุดถึง 16.79% รองลงมาคือเรื่องจัดระเบียบผังเมืองให้เหมาะสม 14.05% และสุดท้ายคือการแก้ปัญหาจราจรติดขัด 11.60% ซึ่งสูสีกับเรื่องปัญหาการระบายน้ำและการจัดการน้ำท่วม11.30% นี่คงเป็นข้อมูลที่พอจะชี้นำผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้บ้างแล้วว่าถ้าเข้ามาบริหารจัดการภาษีจากประชาชนเพื่อไปแก้ปัญหาให้ประชาชนนั้น ควรใช้งบประมาณอย่างไรและควรแก้ไขที่เรื่องไหนเป็นอันดับแรกถึงจะทำให้เราก้าวเข้าใกล้การเป็นมหานครแห่งเอเชียได้ทัน ปี 2575 ได้จริงตามแผนที่วางไว้

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2565
ผู้แต่ง

นันท์วดี แดงอรุณ

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขและความชุ่มฉ่ำในเทศกาลแห่งความสุขอย่างเทศกาลสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ที่เต็มไปด้วยความหมายด้านวัฒนธรรม สังคม วันที่ 13-14 เมษายน ก็ยังเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัวไทยอีกด้วย โดยตลอดช่วงเวลานี้ของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมากมายได้เดินทางกลับบ้านกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ไปรวมญาติที่ไม่ได้พบกันนาน หรือไปเล่นน้ำคลายร้อนกัน

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : เมื่อชีวิตมีแค่ทางเลือกที่แย่กับแย่น้อยกว่า: ปัญหามลพิษในประเทศไทยหนักแค่ไหน ?

รู้หรือไม่ว่าในชีวิตประจำวันของคนไทย การตัดสินใจง่ายๆ อย่างการเปิดหรือปิดหน้าต่างกลับสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของคุณภาพชีวิตและปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านทำความเข้าใจปัญหามลพิษในอากาศจากก๊าซเรดอนในอาคาร ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 และความสำคัญของการบริหารจัดการของภาครัฐ ผ่านพฤติกรรมง่ายๆ อย่างการเปิดหรือปิดหน้าต่าง

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : บทเรียนจากตึก สตง.: จริยธรรมและความโปร่งใสแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบร้อยปีของประเทศไทย ได้สร้างความเสียหายและความสูญเสียในหลายพื้นที่ ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่สูญเสียและทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากภัยครั้งนี้

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!