บทความวิจัย | ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี

เมื่อการกระจายอำนาจกลับกลายเป็นการกระจายการทุจริตสู่ท้องถิ่น เพื่อยับยั้งปัญหาคอร์รัปชันในท้องถิ่น จึงต้องส่งเสริมการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล (กรณีศึกษา จังหวัดเพชรบุรี)

 
 

แม้ว่าโดยหลักการแล้วการกระจายอำนาจสู่องค์กรส่วนท้องถิ่นมีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อให้บริการต่าง ๆ ของรัฐมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติ การกระจายอำนาจกลับส่งผลให้แนวโน้นของการทุจริตในท้องถิ่นเพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน จากปัญหาดังกล่าว งานวิจัยฉบับนี้ จึงได้ศึกษาถึงประเด็นคอร์รัปชันที่สัมพันธ์กับท้องถิ่น โดยศึกษาจากกรณีตัวอย่างในจังหวัดเพชรบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี (2) วิเคราะห์การเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชัน และ (3) ศึกษาการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชัน

บทความนี้ เป็นการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงประยุกต์ เน้นการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่ ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าพนักงานในสังกัดของการบริหารราชการส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี เทศบาลเมืองเพชรบุรี รวมรวมข้อมูลจากวิทยานิพนธ์ รายงานวิจัย ตําราทางวิชาการ วารสารและหนังสือ ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชัน การจัดกระบวนการวิจัยด้วยการพรรณนา และการบูรณาการข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ในพื้นที่ใช้การศึกษาภาคสนาม เพื่อให้ทราบถึงแนวคิด หลักการ รูปแบบ ความสัมพันธ์ และกระบวนการสร้างความรู้และการควบคุมคอร์รัปชัน ด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสําคัญในการวิจัยทั้งหมด แล้วนําข้อมูลมาสังเคราะห์ผล

จากการศึกษา พบว่า องค์กรส่วนท้องถิ่นต้องสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพด้วยการจัดอบรมด้านกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องต่อการควบคุมการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายการเปิดเผยข้อมูล การประชาสัมพันธ์ การเข้าร่วมกิจกรรม และเป็นคณะกรรมการดําเนินงาน ซึ่งดําเนินการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทุกระดับชั้น อีกทั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับต้องแสดงบทบาทควบคุมการทุจริตทุกรูปแบบ ตามหลักเกณฑ์และวิธีบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ให้มีแนวทางเป็นรูปธรรม นําเสนอข้อมูลองค์กรอย่างโปร่งใส และเปิดเผยการทุจริตต่อสาธารณะชน

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

อนุชา พละกุล., ทิพย์วรรณ จันทรา. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี. วารสารมจรเพชรบุรีปริทัศน์, 22(2), 33–44.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2562
ผู้แต่ง
  • อนุชา พละกุล
  • ทิพย์วรรณ จันทรา
วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย

ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

You might also like...

KRAC Hot News I เครือข่ายอำนาจเเละการทุจริตในกัมพูชา: บทเรียนจาก 3 โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

เบื้องหลังโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมูลค่านับหมื่นล้านในกัมพูชา กับคำถามถึงความโปร่งใสและการเอื้อผลประโยชน์ให้เครือญาติทางการเมือง…ใครได้ประโยชน์? ประชาชนหรือตระกูลผู้นำ?

KRAC Update เล่าข่าวต้านคอร์รัปชัน I ยูกันดาปลุกพลังประชาชน ร่วมแก้ไขคอร์รัปชันเเละยกระดับ CPI ของชาติ

เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันแอฟริกา หัวหน้าสำนักงานตรวจการแผ่นดินยูกันดาชี้ สงครามกับคอร์รัปชันที่ได้ผลที่สุด ต้องเป็นสงครามที่ประชาชนร่วมต่อสู้ไปพร้อมกับรัฐ!

KRAC Extract | รัฐเปราะบางกับกฎหมายฟอกเงิน: ทำไมกฎหมายต่อต้านฟอกเงินถึงเอาไม่อยู่ในบางประเทศ

ชวนเจาะลึกรายงานเรื่อง “Strengthening anti-money laundering systems in fragile states” ที่ชี้ว่า กฎหมายต่อต้านการฟอกเงินจะไร้พลัง หากรัฐขาดสถาบันที่เข้มแข็ง และถูกครอบงำทางการเมือง